More Related Content
More from Pongpob Srisaman
More from Pongpob Srisaman (8)
4.ส่วนเนื้อหา
- 1. โครงสร้ างฐานราก
งานดินและเสาเข็ม
งานดินและเสาเข็มเป็ นส่ วนประกอบกัน เพื่อให้เกิดความแข็งแรงแก่อาคาร วิศวกรออกแบบจะเป็ นผู ้
คํานวณการรับน้าหนักของเสาเข็ม จะต้องรู ้ค่าความแข็งแรงของพื้นดิน ซึ่งเนื่องมาจากการเจาะดินบริ เวณที่
ก่อสร้างหรื อบริ เวณใกล้เคียง นําดินแต่ละชั้นไปทดสอบในห้องประลองเต่ละภูมิประเทศความแข็งแรงของ
พื้นดินย่อมมีความแตกต่างกัน จึงอนุโลมให้ใช้ค่าความแข็งแรงต่อท้องที่ไม่ได้ โดยเฉพาะบริ เวณที่ราบลุ่ม
แม่นาแถบ กรุ งเทพ ธนบุรี และจังหวัดใกล้เคียง จะมีช้ นดินแตกต่างไม่มากนัก อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิด
้
ั
ความมันคงแข็งแรงแก่อาคสร ควรเจาะดินเพื่อหาค่าความแข็งแรงของดินโดยเฉพาะชั้นหิ นเพื่อให้ปลาย
่
เข็มหยันลงไปอย่างมันคง
่
่
(1) การรับนําหนักดินและเสาเข็ม
้
่
ดังที่กล่าวไว้วาทั้งดินและเข็มมีส่วนร่ วมกันต้านทานนํ้าหนักบรรทุกจากบานรากไว้ แต่การ
คํานวณสามารถออกแบบให้เข็มรับนํ้าหนักเป็ นลักษณะเสาคอนกรี ตเสริ มเหล็กหยิงปลายเสาลงบนหิ นแข็ง
และอาศัยฐานหิ นแข็งรับกลุ่มเสาเข็มไว้เท่านั้น
- การรับนําหนักของดิน
้
ในวิชาการทางปฐพีกลศาสตร์ (Soil mcchanic) ได้กล่าวลักษณะดินที่แตกต่างกัน บางก้อนเล็กมาก
้
้
้
และมีกอนใหญ่กลับ หรื อมีกอนเล็กตลอดและมีกอนใหญ่ตอนปลายเล็กน้อย หรื อเป็ นก้อนเล็กๆ หรื อก้อน
ใหญ่ๆเหมือนกันหมด ลักษณะที่รูปร่ างแตกต่างกันไปด้วย การประกอบจึงย่อมมีความแตกต่างกันไป ชนิด
ของการเรี ยงก้อนเล็กไปก้อนใหญ่ข้ ึนเป็ นลําดับลึก ถือว่าเป็ นดินชนิดดี(Wall Grade) ความแข็งแรงของดิน
่
เพิ่มขึ้น หรื อบางที่ดินมีความแข็งแรงตํ่าเมื่ออยูลึกลงไป ขณะเดียวกันดินที่แช่นาอยูระยะหนึ่ง เมื่อนํ้าลดลง
้ ่
อาจทําให้ดินทรุ ดตัวไปด้วย เรี ยกว่าคอนโซลิเดชัน (Consolidation)
่
ดินที่ได้รับการสันสะเทือนอันเนื่องมาจากเครื่ องจักรหรื อยวดยาน หรื อจากการเจาะตอกในบริ เวณ
่
ใกล้เคียงที่มีการก่อสร้าง หรื ออาจถูกนํ้าใต้ดินกัดเซาะทําลายทําให้ดินพังหรื อทําให้เป็ นช่องโหว่ เหตุ
่
ดังกล่าวสามารถแก้ไขและควบคุมมิให้เกิดการเสี ยหายต่อการก่อสร้างได้ เม้วาจะมีการป้ องกันการทรุ ดตัว
ของดินใต้ฐานรากจากการหาค่าแรงเฉื่ อนของดิน เพื่อกําหนดกําลังรับนํ้าหนักที่ปลอดภัยของดิน ที่ยอมให้
นําไปใช้ในการออกแบบฐานรากของอาคารได้อย่างปลอดภัยการทรุ ดตัวของดินภายใต้น้ าหนักบรรทุกทําให้
ํ
่
ดินเกิดการเสี ยรู ปอันเนื่องมาจากการยืดหยุนของดินและสามารถคืนสภาพเดิมได้เมื่อนํานํ้าหนักบรรทุกออก
- 2. ส่ วนการเสี ยรู ปแบบพลาสติก คือ ดินจะทะเล้นไหลเลื่อนออกด้านข้าง เมื่อดินเป็ นลักษณะเป็ นลักษณะนี้
จะไม่สามารถคืนภาพเดิมได้ ส่ วนคอนโซลิเดชันของดินอาจทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านปริ มาตร
่
และโครงสร้างของดินเมื่อนํ้าใต้ดินถูกขับออกมาสังเกตได้จากฐานรากที่ดินทรุ ดตัวแบบพลาสติกมักเกิดขึ้น
ทันทีเมื่อฐานรับนํ้าหนักเป็ นพวกดินเสี ยดทาน เช่น ดินปนทราย ที่มีการซึมผ่านของนํ้าได้ดี ส่ วนดินอัน
เกิดจากคอนโซลิเดชันมักเป็ นดินจําพวกยึดเกาะหรื อดินเหนียว การทรุ ดตัวจะเกิดขึ้นช้าๆโดยเกิด
่
่
ต่อเนื่องกันมาเป็ นปี แม้วาจะขยายฐานให้มีพ้ืนที่มากขึ้นก็ไม่สามารถลดปริ มาณการทรุ ดตัวลงให้อยูใน
ระดับที่ปลอดภัยได้ จึงควรนําเอาวิธีก่รบดอัดดินให้แน่นโดยการทําดินธรรมชาติให้มีคุณสมบัติแข็งแรงขึ้น
ได้ดวยวิธีกล (Mechanical Mcthod) คือการกระแทกด้วยลูกตุม หรื อลูกกลิ้งแกนหมุนนอกศูนย์ หรื อใช้
้
้
บดด้วยลูกกลิ้งตีนแกละสําหรับดินเหนียว หรื อสามารถอัดดินให้แน่นด้วยการใช้เข็มคอนกรี ตเสริ มเหล็ก
หรื อเข็มทราย เป็ นต้น
สําหรับวิธีทางกายภาพ (Physical Method หรื อ Preconsolidation) คือ การอัดดินคายนํ้า โดยทํา
การลดระดับของนํ้าใต้ดิน ใช้หลุมทรายระบายนํ้าในแนวดิ่งหรื อการใช้กระแสไฟฟ้ า เพื่อช่วยกระบวนการ
คอนโซลิเดชันของดินเหนียวอ่อน เช่น ดินแถบชายทะเลหรื อปากแม่น้ า ส่ วนวิธีทางเคมี (Chemical
ํ
่
Method) ทําโดยให้ความร้อนถึง 800 องศาเซลเซียส ทําให้ดินจับตัวกันด้วยโซเดียมซิลิเกต หรื อเกลือบาง
ชนิด บางทีนาปูนซีเมนต์หรื อบิทูมินสมายึดเกาะดิน หรื อด้วยวิธีเคมีไฟฟ้ า เรี ยก อิเล็กโทรเคมีคอลซอยล์
ํ
ั
สเตบิไลเซชัน (Electrochemical Soil Stabilization)
่
ข้อสังเกตของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่ งประเทศไทย ได้กล่าวถึงเรื่ องของดินตะกอนที่เกิดใหม่
่
จะอยูตอนบนในบริ เวณภาคกลางใกล้ปากอ่าวไทย บางแห่งมีช้ นดินหนาถึง 20.00 เมตร วิศวกรออกแบบ
ั
ควรได้มีการทดสอบการรับนํ้าหนักของดินก่อนด้วย
- การรับนําหนักของเข็ม
้
ลักษณะการรับนํ้าหนักของเสาเข็ม อาจเป็ นการรับนํ้าหนักแต่ละต้น หรื อการให้เข็มรับนํ้าหนัก
เป็ นกลุ่ม (Pile Group) แจ่ขณะเดียวกันระยะของเข็มแต่ละต้นควรไม่นอยกว่า 3 เท่าของเส้นผ่าน
้
ศูนย์กลางของเสาเข็ม (3d) นั้น เพราะเมื่อตอกชิดกันมาก จะเป็ นสาเหตุให้กระเปาะความเค้นสูง (High
Stress Zones)
การรับนํ้าหนักของเสาเข็มมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ
- เสาเข็มรับความฝื ด (Friction Piles)
-เสาเข็มรับความฝื ดและปลายเข็ม (Friction and End Bearing Piles)
- 3. (2) การเจาะและกดเข็ม
การเจาะดินแล้วหล่อคอนกรี ต ทําได้ท้ งเข็มขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่มีประโยชน์สาคัญคือ ไม่ทาให้
ั
ํ
ํ
อาคารใกล้เคียงกระทบกระเทือนจากการตอก หรื อการทะเล้นของดินไปดันส่ วนของอาคารใต้ระดับพื้นดิน
ทําให้อาคารใกล้เคียงเกิดความเสี ยหาย โดยเฉพาะการใช้เข็มขนาดใหญ่และรับนํ้าหนักมาก มีขอจํากัดต้อง
้
ใช้ระบบการเจาะดิน แล้วหล่อคอนกรี ตเข็มในภายหลังการสอดเหล็กลงไป
่
งานเข็มมีความสําคัญต่องานฐานรากจองอาคาร เมื่อรากฐานแข็งแรงส่ วนบนของอคารจะตั้งอยูได้
อย่างปลอดภัย ซึ่งเกี่ยวพันกับความแข็งแรงของดิน การรับนํ้าหนักจองเข็ม และเทคนิคการส่ งเข็มให้ลงไป
รองรับนํ้าหนักได้อย่างเชื่อมัน งามเข็มเจาะและกดเป็ นงานที่นิยมกันมาก โดยอาศัยเข็มกลมมีแกนกลวงใช้
่
ดอกสว่านสอดส่ วนกลวงเข็มลงไปเจาะดินได้ก่อนกด ลําพังเพียงกดลงไปจะไม่ถึงระดับดินแข็งจะกดไม่ลง
จึงนําเอาวิธีเจาะให้ดินเป็ นรู เพื่อลดความแน่นของดินลงแล้วจึงกดเข็มตามลงไป
-การเตรียมงานเข็ม
ปกติใช้เป็ นงานเทคนิคเฉพาะ เมื่อระบุใช้เข็ม ค.ส.ล. ลักษณะแรงเหวียงหรื อเรี ยกว่าเข็มสปัน เป็ น
่
เข็มที่ลกษณะกลวง โดยเข็มชนิดนี้มีปลายเข็มเป็ นเหล็กหล่อแหลมให้ตอกลงให้ง่าย
ั
1.การปรับบริ เวณ
บริ เวณที่จะทําการเจาะและกดเข็ม ควรปรับผิวดินหรื อทรายถมไว้ค่อนข้างเรี ยบ มีระดับตํ่าใกล้เคียง
กัน เมือตอกหลักให้ตาแหน่งของศูนย์เสาเข็ม ควรพ่นหรื อทาสี แดงทําให้แลเห็นได้ชด การคายดินจากการ
ํ
ั
เจาะของดอกสว่านควรเป็ นบริ เวณใกล้ที่กดเข็มลงไปแล้ว เพราะการตักดินใส่ รถจะไม่ไปทําลายหลักที่ปัก
ให้ศูนย์เสาเข็มเสี ยหายต้องทําใหม่อีก เมื่อเข็มถูกตอกลงลึกในระดับหนึ่งตอกไม่ลงแล้วแม้จะยังไม่ถึงระดับ
ฐานรากก็ตามอาศัยการตัดหัวเสาเข็มออกตามความลึกที่ตองการ ฉะนั้นระดับจูกต้องมากถ้าปรับผิวดินให้
้
เรี ยบปั้นจันตอกเสาเข็มจะให้ระดับหัวเข็มที่ใกล้เคียงมาก เป็ นต้น
่
2.การวางเข็ม
สําหรับโรงงานหล่อเข็มมักผลิตเข็มไม่ทนต่อการใช้งาน อาจมีอุปสรรคทางด้านวัสดุที่มีราคาสูงขึ้น
ั
หรื อผลิตวัสดุมาป้ อนโรงงานไม่ทน เช่น ปูนซีเมนต์ เหล็ก อนึ่ง การหล่อเข็มไว้ล่วงหน้าเป็ นจํานวนมากต้อง
ั
ใช้การลงทุนสู งและใช้บริ เวณวางผลิตผลกว้าง เพราะเป็ นวัสดุสาเร็ จที่มีขนาดยาวและขนาดหลากหลายตาม
ํ
่
ความต้องการตามการเลือกใช้ของวิศวกรผูออกแบบ อย่างไรก็ดี ขนาดของเข็มจะระบุอยูในเอกสารของ
้
ผูผลิตเข็มที่เป็ นคู่มือให้วิศวกรให้เลือกใช้ขณะออกแบบได้ การสังตามขนาดระบุจะง่ายและรวดเร็ วต่อการ
้
่
จัดส่ งเข็ม
การส่ งเข็มมาใช้คงไม่ยอมให้รถส่ งวางเข็มตามความสะดวก เนื่องจากเข็มเป็ นวัสดุสาเร็ จขนาดใหญ่
ํ
ดังได้ทราบแล้วและมีน้ าหนักมาก การย้ายเข็มทําได้ยากนอกจากต้องใช้รําตักช่วยลากย้ายเข็มแต่ไม่ควรทํา
ํ
- 4. ่
เป็ นประจํา การย้ายเข็มของรถตักเป็ นการทํางานช่วยงานเจาะและกดอยูตลอดเวลาแล้ว แต่ไม่ใช่ตองย้ายทั้ง
้
กองที่ห่างไกลคนละฝั่งของพื้นที่ที่จะเจาะและกดเข็มในช่วงแรกๆ จะต้องวางแผนและกําหนดตําแหน่งกอง
่
เข็มซ้อนกันไว้ เมื่อต้องกการใช้จะใช้สลิงจองรถเจาะลากเข็มให้เข้าใกล้ได้ จุงกล่าวได้วาตําแหน่งที่กองเข็ม
อาจเป็ น 4-5 กอง ครอบคลุมเต็มพื้นที่ทาการเจาะและกดเข็ม สําหรับพื้นที่ถมทรายหรื อดินแล้วปรับพื้น เรี ยบ
ํ
ั
้ ่
พอจะทําให้การซ้อนกันของเข็มมันคงกองเข็มไม่พงทลายเป็ นอันตรายต่อผูอยูใกล้เคียง
่
่
เมื่อเป็ นงานที่ค่อยๆปรับพื้นเป้ นช่วงๆไป การทํางานอยูในพื้นที่จากัด การส่ งเข็มมาจํานวนมากให้
ํ
เป็ นปัญหาในการหาที่วางกองเข็ม จึงควรพิจารณาให้สอดคล้องกับการใช้เครื่ องเจาะและกดหรื อตอกด้วย
งานเจาะและกดจะต้องมีความก้าวหน้าต่อไป ไม่มีปัญหาสําหรับหน้าที่ตอกส่ งเข็มลงใต้ดินเมื่อใช้ป้ ันจัน
่
ตอกเข็มอีกชุดหนึ่ง
3.การเตรี ยมรถเจาะและกด
เนื่องจากรถแทรกเตอร์ประกอบด้วยอุปการณ์ที่มีน้ าหนักมาก การเคลื่อนย้ายในลักษณะครบเครื่ อง
ํ
ทําได้ยาก จําเป็ นต้องถอดชิ้นส่ วนที่เป็ นแกนประกับเข็ม แขนคํ้า และปรับแกนอีก 2 ตีว ประกอบด้วยหัว
้
่ ้
่ ั
เจาะด้วยไฟฟ้ า ซึ่งมีกานกดคูดวยระบบไฮดรอริ กติดอยูกบหัวเจาะด้วย ใช้ลวดสลิงร้องดึงขึ้นไปบนรอกที่
ติดตั้งปลายแกนประกับเข็ม
-การเจาะและกดเข็ม
ทีมของเครื่ องเจาะและกดจะได้การบริ ษทขายเข็มผูแนะนํามา หรื อบริ ษทเป็ นผูจดทําร่ วมไปเท่ากับ
ั
้
ั
้ั
ว่าการส่ งเข็มกับงานเจาะและกดเป็ นส่วนงานเดียวกัน ทําให้เกิดการรับผิดชอบในส่ วนงานเข็มไปได้งาน
หนึ่ง
การเจาะและกดเข็มมีลาดับขั้นการทํางานดังนี้
ํ
1.การยกเข็มขึ้นประกับแกน
2.การเจาะและกดเข็ม
3.การต่อเข็มต้นที่ 2
4.การเจาะและกดเข็มต้นที่ 2
5.การตอกเข็มลงในระดับกําหนด
- 8. (ช) นําเสาส่ งต่อหัวเข็มต้นสุ ดท้าย เพื่อเจาะดินและกด
เข็มลงไปในระดับที่ตองการ(ในกรณี ที่ไม่ใช้วิธีตอก)
้
(ซ) แสดงการตอกหัวเข็มลงให้ถึงระดับและ
จด Blow Count ทุกระยะ 30 ซม. ตลอดความ
ยาวเสาส่ ง
- 9. (ฌ) แสดงการตอกส่ งเข็มลงในระดับกําหนด
(3) การขุดดินฐานราก
เมื่อทําการตอกเข็มลงในระดับที่ตองการแล้ว งานระดับต่อไปเป็ นการขุดดินออกเพือการทําฐานราก
้
่
่ ้
ซึ่งการทํางานดินจะต่อเนื่องกับการปรับและตักดินระหว่างการเจาะและกดเข็มอยูดวย
-การขุดดินด้ วยเครื่องจักรกล
เครื่ องจักรที่ใช้งานดินด้วยการใช้รถขดดิน และ รถตักดินด้านหน้าตีนตะขาบหรื อล้อยาง เนื่องจาก
เครื่ องจักรทั้ง 2 ชนิด มีหน้าที่เพียงพอกับการใช้งานในการขุดดินออกจากฐานราก รวมไปถึงดินทั้งหมดของ
ห้องใต้ดิน โดยจํานวนดินจะรู ้ปริ มาตรที่แน่นอน
- 10. สําหรับมาตรฐานการขุดของเครื่ องจักรแต่ละชนิดจําเป็ นต้องนํามาพิจารณาร่ วมด้วย
1.การใช้รถแทรกเตอร์กระเช้าตักดิน
หรื อบางทีเรี ยกว่ารถตักดิน ส่ วนประกอบคือ ตัวรถเป็ นรถตีนตะขาบสามารถเคลื่อนย้ายเข้าไปได้
ใกล้สถานที่ขดได้มากเนื่องจากมีน้ าหนักของเครื่ องบังคับการขุดและยกแขน ส่ วนที่สองคือแขนยกกระเช้า
ุ
ํ
สามารถเปลี่ยนความยาวได้ ส่ วนประกอบที่สามคือกระเช้า ใช้ในการครู ดดินเป็ นระยะทาง 4-5 เมตรจนดิน
่
บรรจุเต็มกระเช้าแล้วจึงยกขึ้น ดินและนํ้าจะถูกบรรจุอยูในกระเช้า
2.การใช้รถแทรกเตอร์ (ล้อยาง) ตักดินด้านหน้า
บางชนิดใช้สายพานเหล็ก รถตักบางแบบขุดด้านหลัง การใช้ลอยาก 4 ล้อ ทําให้เคลื่อนย้ายรถได้
้
รวดเร็ ว และสามารถเข้าไปในแนวถนนที่แคบได้ งานสําคัญคือ ตักดินที่เกินต้องการหรื อดินที่เป็ นโลนใช้
การไม่ได้ใส่ รถบรรทุกย้ายไปเทนอกบริ เวณงานก่อนสร้าง นอกจากนี้ยงช่วยเกลี่ยดินหรื อทรายถมก้นหลุม
เมื่อหล่อฐานรากเสร็ จ ยังใช้ตกคอนกรี ตยกขึ้นรถได้ บางครั้งใช้ในการยกเหล็ก
ั
-การขุดดินด้ วยแรงคน
เครื่ องจักรทํางานได้ไม่หมดของงาน เพราะเครื่ องจักรมีขนาดใหญ่การทํางานอาจไปกระทบกับ
เสาเข็ม หรื อเครื่ องจักรไม่สามารถเข้าไปขุดในซอกระหว่างเสาได้ จึงต้องใช้แรงคน
-การปองกันดินพัง
้
ถ้าเป็ นขุดหลุมเล็กหรื อไม่มีอาคารข้างเคียง การระวงดินพังทลายจะน้อยลง แต่ถาขุดเต็มพื้นที่สร้าง
้
เป็ นห้องใต้ดิน หรื อให้ทางานสะดวกต้องกันดินพังอย่างจริ งจัง ต้องคํานวณกําลังของดินทางข้าง ซึ่งจะ
ํ
ทํางานได้ดงนี้
ั
1.การขุดหลุมเล็ก
ปัญหามักมีไม่มาก อาจขุดด้วยรถขุดหรื อแรงงานคน ส่ วนความลาดของผลิงหลุมจะช่วยลดการ
พังทลายลงได้ เมื่อใช้รถขุดดินทําให้ทางานได้รวดเร็ วและลึก แต่จาทําให้ผนังตั้งตรงทําให้พงทลายง่าย การ
ํ
ํ
ั
พังทลายของดินมักเกิดจากนํ้าหนักของดิน หรื อนํ้าหนักจากรถที่เข้าใกล้หลุมทําให้ดินปากหลุมพังง่าย ทั้งนี้
ขึ้นกับลักษณะของดินด้วยว่าเป็ นแบบใด โดยดินทรายหรื อดินร่ วนการยึดเกาะจะน้อยทําให้เกิดการพังทลาย
ได้มาก ปกติระยะช่วงการขุดหลุมจนเสร็ จดินจะยังไม่พงทลายลงมา เพราะดินยังไม่ถกรบกวนและไม่มี
ั
ู
นํ้าหนักบรรทุก โดยเฉพาะการขุดหลุมใกล้ถนนที่มีรถวิ่ง จะเกิดแรงสะเทือนทําให้ดินผนิงหลุมอาจพังง
ทลายลงได้ เมื่อขุดได้ลึกประมาณ 2.00 เมตร ควรรี บคํ้ายันไว้ก่อนที่ผนังจะพังลงมา
2.การขุดหลุมเต็มพื้นที่
เป็ นงานดินที่ตองการหลักการคํานวณการดินของดินรอบๆพื้นที่ของการสร้างอาคาร เมื่อขุดดินออก
้
หมดแล้วสามารถทําการหล่อฐานและทําห้องใต้ดินได้สะดวก และไม่ทาให้เกิดความเสี ยหายแกอาคารหรื อ
ํ
พื้นที่ใกล้เคียง มีวิธีการดังนี้
- 11. 2.1 การปั กเข็มพืด (Sheet Piles)
เข็มพืดเป็ นรู ปตัวยู และทําด้วยเหล็กรี ด ปี กทั้งสองข้างจะเป็ นห่ วงโค้งงตลอดความยาวเข็ม
เพื่อให้เกิดการซ้อนกันอย่างแน่นหนา ความยาวของเข็มพื่ดมีขนาด 6.00 – 12.00 เมตร
รู ปแสดงการปั ก และกดเข็มพืดลงไปเพื่อที่จะทําการขุดดินออก
2.2 การกดเข็มพืด
ให้นาหัวเข็มที่ประกอบด้วยเครื่ องสันมากดเข็มพืด ด้วยนํ้าหนักของงหัวกดที่จบอยูบนหัว
ํ
ั ่
่
เข็มพืดแต่ละตัวและแรงสันสะเทือน จะทําให้เข็มพืดถูกกดดินทั้งๆที่ปีกเข็มยังสอดคล้องกันอยู่ โดย
่
การกดเข็มพืดโดยรอบทําให้ป้องกันดินโดยรอบพังลงมา และป้ องกันนํ้ารอบๆ บริ เวณเข้าได้ดวย
้
2.3 การขุดดินออก
เนื่องจากต้องขุดดินจํานวนมากออกจากพื้นที่จนสุ ดแนวขอบของเข็มพืดนความลึก 6.00 –
่
8.00 เมตร แต่ส่วนปลายจองเข็มยังคงปักอยูในดินลึก 2.00 – 4.00 เมตร มักทําการเช่าเข็มพืดมากกว่า
ซื้อ แม้แต่การตอกและกดเข็มลงไป บริ ษทผูให้เช่าจะทําการตอกและกดห้ามข้อตกลงได้ เพราะ
ั ้
ความชํานาญเป็ นเรื่ องสําคัญทําให้เกิดความรวดเร็ ว ตอกและกดได้อย่างถูกต้อง จําเป็ นต้องใช้เครื่ อง
กดเฉพาะด้วย
- 12. การขุดดินขึ้นอาจทําทางให้รถบรรทุกลงไปขนดินจากพื้นล่างที่ลึกลงไป ลําพังใช้รถตักดินขึ้นอย่าง
เดียวไม่พอ แม้แต่รถขนดินขนาดเล็กก็นามาใช้ขนดินจากพื้นล่างขึ้นมาด้านบนพื้นผิดดินได้ เมื่อได้ขดดิน
ํ
ุ
ขึ้นมาหมดจะเห็นหัวเข็มที่ได้หล่อหรื อกดไว้ก่อนทํางานดิน และดําเนินการทําฐานรากต่อไป โครงเหล็กที่ค้ า
ํ
่
ดินไว้จะเปลี่ยนการคํ้าและยึดได้บางถ้าติดขัดงานที่จะก่อสร้าง แต่การตั้งโครงจะนึกถึงโครงสร้างอยูแล้ว จะ
้
รื้ อโครงเหล็กคํ้ากันดินพังออกภายหลังจากการหล่อฐานราก การเทพื้นห้องใต้ดิน การหล่อเสาตอม่อ และ
เริ่ มถมทรายลงไปก่อน แล้วถอดโครงออกทีละชิ้นโดยไม่ทาให้ผนังกันดินที่ใช้เข็มพืดพังลงมาจนกว่าจะถม
ํ
ทรายดันเข็มพืดไว้ที่ความสูงระดับหนึ่ง การถอนจะใช้รถยกเข็มพืดแต่ละชินออก เมื่อแน่ใจ่วาไม่ทาให้ดิน
ํ
พงลงมาจนทําให้เกิดความเสี ยสายแก่อาคารใหญ่หรื อ พื้นถนนข้างเคียง หรื องานส่ วนโครงสร้างใต้ดินที่
สร้างไว้แล้ว วิศวกรโครงการต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะถอนเข็มพืด ควรทํางานโครงสร้างใต้
ระดับดินเสร็ จ แล้วจึงถอนไล่ไปเมื่อถมทรายหรอหล่อผนังล้อมห้องใต้ดินแล้วเท่านั้น
- 13. งานฐานราก
ฐานรากทําหน้าที่รับนํ้าหนักของตัวอาคารทั้งหมดเพื่อถ่ายลงเสาเข็มให้เสาเข็มรับนํ้าหนักกรณี เข็ม
เดี่ยว หรื อถ่ายนํ้าหนักลงดิน เพื่อให้ดินรับนํ้าหนักในกรณี ฐานแผ่
ในกรณี ฐานรากที่มีเสาเข็มต้นเดียว และถ้าการตอกเสาเข็มไม่ตรงตามศูนย์จะทําให้เกิดปัญหาตามมากับฐาน
ราก คือ ฐานรากจะเกิดการพลิกควํ่า เมื่อรับนํ้าหนักจากตัวอาคาร ทําให้เกิดการทรุ ดตัวของอาคารหรื อเกิด
รอยแตกร้าวตามคานหรื อเสาในภายหลัง แต่กรณี ของฐานรากที่มีเสาเข็มมากกว่าหนึ่งต้นจะเกิดปั ญหา
ดังกล่าวน้อยมาก
(1) งานคอนกรีตหยาบ
แม้แต่อาคารขนาดเล็ก งานคอนกรี ตหยาบให้ความสําคัญต่อฐานราก ใช้หวรัดเข็มไม่ให้เลื่อน
ั
หลุดออกจากบริ เวณพื้นที่ใต้ฐานรากเป็ นสําคัญ แต่เมื่องานก่อสร้างใหญ่ข้ ึน งานคอนกรี ตหยาบยังให้
ประโยชน์มากขึ้นไปอีก เป็ นการแบ่งระหว่างดินหรื อทรายใต้ฐานรากโดยตรง นอกจากนี้คอนกรี ตหยาบ
ที่เทในส่ วนรอบ ๆ ของฐานรากได้ง่าย รวมทั้งทํางานได้สะดวกเพื่อการยึด และ คํ้า โดยเฉพาะฐานราก
ขนาดใหญ่ ผิวบนของคอนกรี ตหยาบต้องปาดให้ได้ระดับ จะสามารถประกอบตะแกรงได้สะดวกและ
เรี ยบร้อย จึงจะไม่หนุนหรื อดันเหล็กตะแกรงขึ้นมาได้
-งานหาระดับ
ในการก่อสร้าง งานระดับจะต้องตรวจสอบจากอแบบก่อสร้างใช้ชดเจนอีกครั้งภายหลังการให้
ั
ระดับการขุดดินถึงก้นหลุมจะให้พลาดไม่ได้
1. ระดับก้นหลุม หลังจากการขุดหลุมแล้ว ดูดนํ้าขึ้นให้แห้ง อาจมีน้ าซึมจากผนังดิน ด้านข้าง
ํ
บางแห่งมีมากจําเป็ นต้องติดตั้งเครื่ องสูบนํ้าตักวิดนํ้าขึ้นตลอดการทํางาน โดยขุดบริ เวณก้นหลุมมุมหนึ่ง
่
ที่อยูนอกแนวพื้นที่ที่จะเทคอนกรี ตหยาบ ขุดให้ลึกพอที่จะใช้ทรายถมไล่น้ าหรื อดินเหลวก้นหลุมให้ร่น
ํ
ออกไป การซับนํ้าครั้งหนึ่งใช้ทรายถมหนา 5 – 10 เซนติเมตร แสดงให้เห็นว่าระดับที่เผือไว้จากระดับความ
่
ํ
ลึกที่กาหนดให้ขด 4.40 เมตร รวมความสูงของผัง 0.70 เมตร จึงเป็ นระดับดินเดิม จนถึงดินระดับก้นหลุม
ุ
- 14. 4.40 ลบ 0.70 เท่ากับ 3.70 เมตร ถ้าเพิ่มความลึกจากการปรับหน้าผิวดินด้วยทรายอีก 10 เซนติเมตรและความ
หนาของคอนกรี ตหยาบอีก 10 เซนติเมตร เท่ากับต้องขุดดิน ให้ลึก 4.50 เมตร
การได้ระดับก้นหลุมแล้วตามหัวหลักที่ตอกไว้ ถ้าฐานรากมีพ้นที่กว้างขนาด 4 x 6 เมตรจะต้อง
ื
ตอกหลักระแนงกับก้นหลุมเพิ่มอีก 5 – 10 หลัก ทัวบริ เวณ หรื อ ไปตั้งผังใต้ระดับดินก้นหลุม โดยใช้เชือก
่
เอ็นขึงบนหัวหลักแล้วปักระแนงเพิ่มทําระดับอีกได้ตามต้องการ หลักระแนงควรมีระยะห่ างกันประมาณ 1
เมตร ควรใช้ไม่ขนาด ½ “ x 3” หรื อ 1”x 3” ยาวประมาณ 0.50 – 0.60 เมตร มุมไม้เรี ยบตรง ให้ห่างจากฐาน
รากประมาณ 0.60 – 0.70 เมตร ให้จมลงซัก 10 เซนติเมตร แต่ถาเป็ นผิวทรายจําเป็ นต้องตอกให้จมลงไป
้
่
เพราะ ไม่ตองการให้ฝังอยูในทรายอัดแน่นเกินไป
้
2. ระดับทรายก้นหลุม เมื่อทํามาถึงตอนนี้จะง่ายขึ้นมาก ไม่ตองหาความลึกอีกครั้ง เพราะ
้
ได้ฝากระดับของดินก้นหลุมไว้ที่หลักไม้คร่ าวด้วยการตอกตะปู เมื่อถมทรายแล้วอัดแน่นมีความหนา
0.10 เมตร เท่ากับว่าวัดระยะขึ้นมาจากแนวตะปูระดับก้นหลุมอีก 0.10 เมตรจะเป็ นระดับผิวทรายถม
ขณะเดียวกันการตัดหัวเข็มให้ได้ระดับอาจทํามาก่อนภายหลังขุดดินครั้งแรก หรื อถ้าทิ้งมาจะ
ต้องตัดหัวเข็มออกให้ได้ระดับเสี ยตอนนี้ โดยอาศัยการสอดไม้ลงมาจากระดับเชือกหลังฝังตามแนวดิ่ง
การตัดหัวเข็มจะใช้เครื่ องตัดคอนกรี ตด้วยมือ ตัดตามแนวที่ขีดรอบเสาเข็ม ฝนให้คอนกรี ตและเหล็กเสริ ม
เสาเข็มเกือบขาด เหลือส่ วนคอนกรี ตใกล้ผวด้านกลวงให้ถึงเหล็กแรงดึงสู ง ตัดไปรอบ ๆ เสร็ จจากต้นหนึ่ง
ิ
แล้วไปอีกต้นหนึ่ง อย่าตัดให้ขาดไปเลยจะล้มทับคนตัดได้
3. หาระดับผิวคอนกรี ตหยาบ เมื่อระดับคอนกรี ตหยาบสูงกว่าผิวทรายอัด 0.10 เมตร ฉะนั้นระดับ
ผิวคอนกรี ตหยาบจึงเท่ากับระดับจากเชือกเอ็นหลังผังวัดลงมาที่ความลึก 4.20 เมตร เพราะระดับผิวดินกัน
หลุม 4.40 เมตร ( เมื่อรวมความหนาคอนกรี ตหยาบอีก 0.10 เมตรแล้ว ) แต่ระดับผิวของการเทพื้นคอนกรี ต
หยาบจะต้องเรี ยบได้ระดับและต้องตั้งแบบด้านข้างก่อน จึงจะถ่ายระดับลงที่พ้นแบบข้าง และ เทคอนกรี ต
ื
ภายหลัง
- 15. -การตั้งแบบแบบข้ างเพือหล่อคอนกรีตหยาบ
่
การหล่อคอนกรี ตหยาบต้องทําการตั้งแบบข้างก่อน บางงานเทคอนกรี ตทั้งที่ยงไม่ได้ต้ งแบบ แต่การ
ั
ั
ํ
คอนกรี ตเต็มพื้นที่หลุม การตั้งแบบทําให้กาหนดความหนาของคอนกรี ตได้ และมีขนาดรู ปร่ างตามต้องการ
1. เตรี ยมไม้ ไม้ที่ต้ งแบบข้างประกอบด้วย
ั
1.1ไม้หลัก เป็ นไม้คร่ าว 1 ½ x 3 นิ้วยาวประมาณ 0.70 – 1 เมตร เสี้ ยมปลายให้แหลม
จํานวนหลักหาได้จากความยาวของแบบที่จะตั้งโดยรอบฐานราก แต่สามารถประมาณระยะความยาวของ
แบบเป็ นรู ป สี่ เหลี่ยม ได้ใกล้เคียงหรื อเท่ากับ 16 เมตร โดยประมาณ แต่เพื่อให้เพียงพอกับการตั้งแบบที่มี
มุมควรเพิ่มไม้หลักอีกมุมละ 1 อัน รวมจํานวนอีก 6 ตัว
1.2ไม้แบบ อาจเป็ นแบบไม้ 1 x 8 นิ้วยาว 4 เมตร หรื อเป็ นไม้ขนาด 2- 4 เมตร ถ้าเป็ นไม้
เก่าซึ่งทําแบบข้างได้ ความยาว 16 เมตร ที่จะตั้งแบบ ถ้าใช้ไม้ยาว 4.00 เมตรจะใช้ 4 ท่อนแต่ถาเป็ นไม้ยาวไม่
้
เท่ากันเมื่อตัดหัวไม้แล้วต่อให้ได้ความยาว 16 เมตร เพิ่มความยาวอีก 2 เมตร รวม 18 เมตร
1.3ไม้ค้ ายัน หมายถึงไม้คร่ าวที่จะใช้ค้ ายันทางปากแบบเท่านั้น ควรเป็ นไม้ขนาด 1 ½ x 3
ํ
ํ
นิ้ว หรื อ 2 นิ้ว ก็ใช้ได้เช่นเดียวกัน มีความยาวพอประมาณได้จากการขุดดินว่าห่างจากแนวตั้งแบบเท่าใด
ถ้าห่างออกไป 0.60 เมตร ควรเพิ่ม 0.60 เมตร รวมไม้ยาวขนาดนี้นาเสาเข็มมาวางดินผนังรอบ ๆ และตอก
ํ
หลักยึดเป็ นระยะห่ างกัน 1.00 – 1.50 เมตร จะใช้ค้ ายันได้เช่นเดียวกัน
ํ
2. เตรี ยมตะปู ตะปูที่ใช้ควรประมาณได้ โดยไม่จาเป็ นต้องนับว่าตอกจะนวนกี่ตว เช่น ตะปู ที่ใช้
ํ
ั
ตอกแบบติดหลัก ใช้ตะปูขนาด 2 ½ นิ้วตอกหลักละ 2 ตัว ส่ วนไม้ค้ ายันตอกติดหลังแบบ 1 ตัวตอกหัวไม้
ํ
แบบไปชนด้านข้างของแบบใช้ตะปู 2 ตัว ไม้รัดมุมตอกตะปูดานละ 1 ตัว รวม 2 ตัว ใช้ตะปูแบบเดียวกัน
้
ประมาณว่าตั้งแบบ 5.00 เมตร จะใช้ ตะปูประมาณ 1 กิโลกรัมตั้งแบบยาว 16.00 เมตร ควรใช้ ตะปูจานวน
ํ
3 กิโลกรัมโดยประมาณ
3. การตั้งแบบ การตั้งแบบข้างใน การเทคอนกรี ตหยาบให้มีพ้นที่กว้างออกไปจึงไม่ตองเคร่ งครัด
ื
้
เรื่ องขนาดอย่างไรก็ตาม ถ้าตั้งแบบได้ดีจะดูสวยงาม ก่อนหน้าที่จะทําการขุดเสร็ จและลงทรายบดอัดแน่น
สามารถตรวจสอบแนวศูนย์กลางเสาอีกครั้ง เพื่อให้ได้แนวขอบของฐานรากก่อน โดยปักไม้ไว้แล้วจึง วัด
จากแนวขอบของฐานรากออกไปอีก 0.50 เมตร โดยวัดตอนมุมและตอกหลักเอาไว้ทุกมุม ให้หลักโผล่จาก
ดินก้นหลุมประมาณ 0.30 – 0.35 เมตร สําหรับไม้หลักยาว 0.70 เตร จะปักลงดินประมาณ 0.35 เมตร แต่ถา
้
เป็ นดินเหลว ควรเสี้ ยมปลายประมาณ 1 เมตร และปั กลงในดิน 0.65 – 0.70 เมตร ทําให้หลักแน่น
- 16. -การเทคอนกรีตหยาบ
เนื่องจากการเทคอนกรี ตหยาบมีจานวนไม่มาก อาจทําการผสมเองโดยใช้โง่ผสมแบบเอียง ซึ่งเป็ น
ํ
เพราะเตรี ยมหลุมไว้ไม่ได้มากจึงต้องทําการเทลงเมื่อตั้งแบบเสร็ จ การเตรี ยมหลุมเมื่อปรับทรายแล้วต้องเท
ทันที ถ้าทิ้งไว้อาจมีน้ าซึมขึ้นมาอีกหลังจากที่วิดนํ้าแห้งไปแล้วครั้งหนึ่ง
ํ
่
ํ
1.วัสดุผสม เมื่อทําการเทคอนกรี ตเอง ควรตั้งโม่ผสมให้อยูระหว่างแถวของฐานรากที่กาลังจะเท
ั
จํานวนหลายฐาน และเทใส่ ไปเป็ นลําดับเมื่อตั้งแบบเสร็ จ เตรี ยมหิ นเบอร์ 2 ทรายหยาบกองใกล้กนบนพื้นที่
ปรับเรี ยบ ตั้งโม่และนังร้าน สังปูนซีเมนต์ โดยประมาณจากจํานวนวัสดุต่อลูกบาศก์เมตรของกอนกรี ต
่
่
ั
ปูนซีเมนต์ 6 ½ ถุง ทราย ½ ลูกบาศก์เมตร และ หินเบอร์ 2 จํานวน 1 ลูกบาศก์เมตร ใช้กบคอนกรี ต
อัตราส่ วน 1 : 2 : 4 ถ้ายังยึดกับคอนกรี ตหยาบจะเพิ่มทรายและหิ นอีกเล็กน้อย
่
2.การเทคอนกรี ต เมื่อผสมให้คอนกรี ตเข้ากันดีโดยผสมอยูในโม่ไม่นอยกว่า 3 นาทีภายหลังจากเท
้
วัสดุและนํ้าเข้าผสมถ้านานกว่าเวลาดังกล่าวจะทําให้เสี ยเวลาผสมและนํ้ามันเครื่ องผสมด้วยควรเตรี ยม
คนงานเทไว้เป็ นกลุ่มเทหน้างาน 12 – 14 คน ดังนี้
คนปาดผิวหน้าเป็ นช่างปูน
2
คน
คนเทหน้างาน
2
คน
คนขนคอนกรี ตเทโดยการส่งต่อ 8 – 10 คน
ส่ วนกลุ่มคนงานผสมคอนกรี ต
9 – 10 คน ได้แก่
คนเทวัสดุและนํ้าลงโม่
1
คน
คนหมุนพวกมาลัยเทคอนกรี ต
1
คน
คนขนหิ น
2 – 3 คน
คนขนทราย
2
คน
คนดูแลนํ้าและสายยาง
1
คน
คนขนปูนซีเมนต์
2
คน
- 17. (2) การตั้งแบบข้ าง
สําหรับตัวฐานเสาตอม่อจะตั้งเพียงแบบข้าง การสร้างแบบหล่อให้มีความแข็งแรงเมื่อขนาดของ
ฐานรากมีพ้ืนที่ และความหนามากขึ้น แต่ละผูรับเหมามีเทคนิคและวิธีการก่อสร้างฐานคล้ายกันแต่ไม่
้
เหมือนกันเป็ นไปตามความสามารถและความชํานาญของช่างไม่ฝีมือ ประสบการณ์ของหัวหน้าช่างทําให้
การวางงานได้เรี ยบร้อยมันคง ปั จจุบนมีการนําแบบเหล็กและโครงนังร้านมาใช้ แต่ช่างจะมีความชํานาญกับ
ั
่
่
การใช้ไม้มากกว่า จึงพบว่ามีการผสมกันระหว่างแบบเหล็กแต่ใช้โครงไม้ยดยัน
ึ
-เตรียมงานตั้งแบบฐานราก
เนื่องจากเป็ นฐานรากขนาดใหญ่ควรต้องมีการเตรี ยมแบบ เตรี ยมผิวคอนกรี ต เตรี ยมงานเหล็กจะ
เสริ มหัวเสาเข็ม และเตรี ยมงานบริ เวณ
1. เตรี ยมผิวคอนกรี ต ทําการถอดแบบข้างออกภายหลังการหล่อคอนกรี ตหยาบครบ 2 วัน โดยตี
ไม้ค้ ายันออกเรี ยงไว้เป็ นตอน ๆ ตีไม้แบบข้างพอแบบเผยอแล้วตอกข้างหลักให้เอียง ยกทั้งแบบข้างและ
ํ
หลักติดกันออกมา ให้คนงานตอกแบบข้างออกจากข้างหลัก กองไม้หลัก และแบบไว้ขาง ๆ หรื อให้คนงาน
้
ถอนตะปูกองไม้ไว้ตามขนาดหรื อกองขนาดใกล้เคียงกันไว้ดวยกัน เวลาที่ตองการใช้จะนําไปทํางานได้
้
้
ั
ทันที มิใช่ตองตัดไม้กนใหม่อีกที เป็ นการสิ้ นเปลืองทั้งเวลาและแรงงาน
้
รู ปแสดงการล้ างผิวแผ่ นคอนกรี ตหยาบ และวางไม้ เสารอบขอบฐานเอาไว้ คายันตีนแบบรอบขอบฐาน
้ํ
- 18. 2.วางไม้รับคํ้ายันรอบฐาน ปรกติจะขุดดินให้หลุมกว้างพอที่จะทํางานรอบขอบฐานได้สะดวก
เนื่องจากฐานรากดังรู ปมีความหนา 1.50 เมตร จึงจําเป็ นต้องคํ้าตีนแบบ คํ้ากลางแบบ และ คํ้าปากแบบ
สําหรับการคํ้ากลางแบบจะใช้เหล็กยึดรั้งช่วยดึงไว้ แต่ตองใช้เหล็กยึดรั้งสอดเข้าไปในแบบและดึงแบบ
้
ในฝั่งตรงข้ามห่างกัน 0.60 เมตร 2 แถว ตลอดความยาว และ เสาที่ใช้วางวางรับคํ้ายันเป็ นเสาหมอนขนาด
เส้นผ่าศูนย์กลาง 4 – 6 นิ้ว เพื่อให้มีน้ าหนัก โดยตอกหลักยันหลังหลักไม่ให้เสากลิ้งได้ ต้องวางไม้คร่ าวใต้
ํ
ั
ใช้เสาให้ห่างกันประมาณ 1.20 – 1.50 โดยวางพาดไว้กบกองดินใกล้ขอบฐานและกองดินตีนผนังหลุม
3.การหาแนวฐานราก เมื่อผิวคอนกรี ตหยาบแห้งแล้วและเตรี ยมจะทําการตั้งแบบเฉพาะฐานราก
ก่อนหน้านั้นจะถ่ายแนวแกนสาฝากไว้ที่ผงทั้งแนวตรงและแนวนอนที่ตอกขึ้นบนฝั่งใกล้ปากหลุมเพือหา
ั
่
ความลึกของฐานรากส่ วนต่าง ๆ และมีแนวแกนร่ วมตรงตลอดแถวของฐานราก เมื่อจะหาแนวฐานรากควร
ที่จะรู ้แกนตั้งและแกนนอนของเส้น และ ตัดกันที่เรี ยกว่า ศูนย์เสา
-การตั้งแบบข้ าง
สําหรับฐานรากขนาดใหญ่ ต้องการใช้แผงแบบโลหะหรื อแบบเหล็กจํานวนมาก จําเป็ นต้องจัดทํา
ไว้ล่วงหน้าหรื อหาเช่าแผงแบบไว้ต้ งแต่รับงานได้ การเตรี ยมแบบเป็ นหน้าที่ของช่างเหล็กหรื อช่างเชื่อม
ั
โลหะ โดยทําเป็ นโรงเหล็กมีเครื่ องตัดเหล็ก เชื่อมเหล็ก ซึ่งเป็ นช่างคนละชุดกับงานเหล็กโครงสร้าง เมื่อมี
งานแล้วนําแผ่นเล็กหรื อกลางมาต่อกันจะใช้งานได้กว้างขวางกว่าการต่อกันใช้เหล็กคล้องบังคับหรื อตัว
หนอนคล้องเข้าในรู ขางแบบที่เจาะไว้ตรงกันแล้วจะบังคับให้แบบติดกันแน่น เมื่อแบบเป็ นชิ้นเล็กและนํามา
้
ต่อกันไม่จาเป็ นต้องใช้หลายคนสําหรับในรู ปจะวางแบบพื้นคอนกรี ตหยาบเหมือนการตั้งแบบที่ทาด้วยไม้
ํ
ํ
อัดหรื อไม้แผ่น เป็ นวิธีหนึ่งที่ตองหาวิธีค้ายันตีนแบบให้มนคงด้วย ควรดําเนินเป็ นลําดับดังนี้
้
ํ
่ั
รู ปแสดงการขนแบบในส่ วนมุมมาวางตามแนวเส้ นที่ขีดเส้ นไว้ แล้ ว
- 19. รู ปแสดงการประกอบแผ่ นแบบข้ างเข้ าด้ วยกัน
1. การทําเหล็กยึดหัวเข็ม สําหรับการตัดเสาตามขนาดของรู กลวงเข็มกลมแรงเหวียงประกอบด้วย
่
เหล็กแกน 8 เส้น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 25 ม.ม.ตลอดช่วงที่สอดลงในรู กลวงสาเข็มที่ระยะ 0.50- 1 เมตร
แล้วตี่ขนาดของเสาเข็ม เข้าใจว่าวิศวกรผูออกแบบโครงสร้างต้องการให้ส่วนต่อหัวเสาเข็มเป็ นตัวประสาน
้
กับแผ่นฐานรากได้อย่างมันคง เนื่องจากรู กลวงของเสาจะสอดด้านปิ ดไม้อดลงไปให้ลึก 0.70 – 1 เมตร สอด
ั
่
ั
ไม้คร่ าวรับเหล็กปลอกเอาไว้ในระดับ แล้วเทคอนกรี ตอัตราส่ วนเหมือนกับคอนกรี ตที่ใช้กบฐานรากให้
คอนกรี ตเต็มเสมอกับหัวเสาเข็มแหย่หวเขย่าให้คอนกรี ตแน่น นํ้าปูนจากคอนกรี ตจะไม่ไหบออกมาก
ั
เนื่องจากแบบควรฉลุให้กลมและมีขนาดเล็กกว่ารู กลวงเพียงเล็กน้อย
2. ลักษณะและการยึดแผงเหล็กหรื อแผงโลหะ ปัจจุบนงานก่อสร้างยังคงนําเอาแบบเหล็กที่เรี ยก
ั
ตามมาตรฐานว่าแบบเหล็กหรื อแผงโลหะสามารถจัดหาจัดซื้อ หรื อจัดทําไว้เป็ นการล่วงหน้าได้ การลงทุน
ซื้อหรื อทําต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมักนิยมเช่าจากบริ ษทผูผลิต เป็ นชนิดแบบเหล็กที่นามาจากต่างประเทศและทํา
ั ้
ํ
ั
ํ
ใช้กนเอง ฉะนั้นขนาดของแบบเหล็กที่ทาในประเทศจึงไม่มีกาหนดตายตัว อนึ่ง งานก่อสร้างของไทยไม่มี
ํ
ขนาดคงที่ ไม่สามารถทําแบบล่วงหน้าในจํานวนมาก ๆ ได้ แต่มาตรฐาน ม.อ.ก. กําหนดไว้เช่นเดียวกัน
ั ่
แบบเหล็กที่ใช้กนอยูไม่เป็ นมาตรฐานนัก แม้แต่งานต่อสร้างขนาดใหญ่ยงต้องแบบเหล็กและไม้ผสมกันอยู่
ั
3. การยึดแบบ เมื่อนําแบบเหล็กมาต่อกันด้วยตัวหนอน เพียงให้แบบหล่อคอนกรี ตที่เป็ นแผงขนาด
เล็กต่อกันเป็ นแผ่นใหญ่ และวางแบบในแนวที่ขีดไว้ตามลักษณะและแนวของฐานรากมีวิธีการดังนี้
- 20. รู ปแสดงการตอกไม้ คร่ าวรองแบบเหล็กหล่ อคอนกรี ตฐานราก
3.1 การยึดแบบติดกับพื้นคอนกรี ตหยาบ ระยะแต่ละด้านที่วางแบบฐานรากจะต้อง
ตรวจสอบได้ระยะตั้งฉากเป็ นการตั้งแบบหล่อคอนกรี ตฐานราก เมื่อขนาดของระยะของฐานราก
กําหนดไว้ และ ขีดเส้นหรื อตีเส้นไว้น้ น ขั้นต่อไปของการทํางานคือ การวางแบบบนพื้นผิว
ั
คอนกรี ตหยาบเลยลักษณะดังกล่าวผิวคอนกรี ตหยาบต้องปาดให้เรี ยบ ซึ่งจะทําให้วางแบบได้แนบ
กับผิวมากขึ้นและไม่ทาให้แบบกระเดิด
ํ
3.2 การยึดและคํ้าข้างแบบ โดยเฉพาะหลุมดินของฐานรากมีลกษณะการขุดแตกต่างกัน
ั
บางแห่ งขุดโดยรอบเฉพาะหลุม บางแห่ งขุดเป็ นรางไป ฉะนั้นฝั่งของหลุมมีเพียง 2 ฝั่งหรื อบางแห่ง
ขุดดินออกทั้งพื้นที่ก่อสร้าง การขุดอย่างนี้ไม่มีผนังดินให้ยดคํ้าเลย ลักษณะการคํ้าจึงมีการ
ึ
เปลี่ยนแปลงตามสภาพงาน ขณะเดียวกันวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ยดคํ้าแตกต่างกันไป เช่น บางแห่งใช้ไม้
ึ
ขนาดต่าง ๆ เช่นไม้คร่ าว ไม้เสากลม หรื อ เสาเหลี่ยม ไม้ตงหรื อคาน บางแห่งใช้เฉพาะท่อเหล็ก
กลมโดยนําข้อยึดเป็ นตัวยึดท่อและยังนําท่อนังร้านต่อหัวตัวที มาคํ้าแบบ หรื อ บางแห่ งใช้ไม้และ
่
ท่อเหล็กรวมกันยึดคํ้าข้างแบบภายนอก ตามแต่จะมีวสดุและความถนัดของช่างไม้ต้ งแบบที่จะทํา
ั
ั
และคํ้าจนแข็งขึ้น
- 22. รู ปแสดงการใช้ ไม้ คร่ าวเป็ นไม้ คายันส่ วนตีนแบบและส่ วนกลางแบบ
้ํ
(3) การประกอบเหล็กฐานเสาตอม่ อ
การประกอบเหล็กฐานเสาตอม่อ หมายถึงตัวแผ่นฐานรากและเสาตอม่อที่ต่อจากฐานขึ้นมาเหล็กที่
จะต้องติดตั้งมีเหล็กตะแกรงและเหล็กแกนเสารวมทั้งเหล็กปลอกเสาบางส่ วน (เท่าระยะความลึกของฐาน
ราก)
-การเตรียมการผูกเหล็ก
งานเหล็กเป็ นงานเฉพาะช่างเหล็ก มีช่างไม้บางคนพอจะทํางานเหล็กได้บางเท่านั้น แต่เทคนิคของ
้
ํ
งานเหล็ก ช่างเหล็กจะรู ้และถ่ายทอดกันเฉพาะกลุ่มเครื อญาติหรื อท้องถิ่นเดียวกัน เป็ นกลุ่มที่ทางานกันมา
นาน ประกอบด้วยหัวหน้าช่างเหล็ก 1 คนที่รับงานเหมาเป็ นตันของนํ้าหนักเหล็กที่ก่อสร้าง ค่าแรงคิดจาก
งานที่ทาได้ประมาณ 7 - 10 วัน และนํายอดไปรวมคิดกับจํานวนเหล็กทั้งหมด หักยอดที่เบิกค่าแรงเป็ น
ํ
งวดๆไปแล้ว คงเหลือเงินจะเป็ นผลกําไร หรื อเงินค้างจ่ายให้เพื่อนร่ วมงานที่เคยตกลงกันเอาไว้
1. งานวัดและยึดเหล็ก
งานช่างเหล็กจะเริ่ มต้นด้วยการยึดเหล็กเส้นขนาดต่างๆ ให้ตรงไว้เป็ น
แต่ละขนาดที่จะใช้เช่น เหล็กตะแกรง เหล็กแกน และเหล็กปลอกเสา เหล็กแกนเสาหรื อเหล็ก
ขนาด 20 – 28 มิลลิเมตร มักขนมาตามความยาวไม่งอพับครึ่ ง โดยใช้ถที่มีกระบะยาวขนมา ทํา
ให้ง่ายในการทํางาน โรงงานช่างเหล็กจะต้องจัดที่วางไว้สาหรับเหล็กขนาดต่างๆ ไม่ทบกันจนต้อง
ํ
ั
งัดกองเหล็ก ควรยกให้เหล็กวางบนไม้รองเป็ นระยะ 1.00 – 1.20 เมตร ไม่วางกับพื้นเพราะจะไป
สัมผัสกับนํ้าที่นองพื้นทําให้เหล็กเป็ นสนิมได้ง่าย แต่เหล็กที่ยดแล้วควรจะเตรี ยมตัดต่อไป ดังได้
ึ
กล่าวแล้วว่า ช่างเหล็กจะมีหวหน้าช่างเหล็ก 1 คน และผูช่วยมือ 1 – 2 อีก 2 คน ที่พอจะช่วย
ั
้
- 23. วัดงานได้ ปกติถาเป็ นงานสําคัญหัวหน้าช่างเหล็กจะกําหนดระยะให้ลกน้องตัดต่อ จะต้องไม่
้
ู
ผิดพลาดเพราะถ้าเป็ นเหล็กเส้นใหญ่ ตัดหรื อดัดผิดระยะต้องเสี ยเหล็กและเสี ยแรงงานอีกด้วย
2. การตั้งโต๊ ะดัดเหล็ก
ปกติโต๊ะดัดเหล็กจะใช้ไม้คานขนาด 2 นิ้ว คูณ 8 – 10 เมตร เพื่อใช้ดด
ั
เหล็กแกนเสา โดยเจาะและเสี ยบเหล็กคู่หน้าเยื้องกันประมาณ 1 นิ้ว ส่ วนตัวต่อไปห่ างไปอีก
่
0.40 เมตร และที่ระยะ 2.00 เมตร ให้อยูในแนวเดียวกันทั้งเหล็กที่เสี ยบลงไป 3 ตัว ปั กเหล็กลง
่ ั
ดินให้ลึกปะมาณ 0.80 – 1.00 เมตร ขณะที่ปลายที่เสี ยบอยูกบไม้คานสูงกว่าระดับผิวพื้นคาปะมาณ
0.05 เมตร ส่ วนการที่จะดัดเหล็ก ขนาดครองๆ ลงไป จะไปทําอีกหัวหนึ่งของไม้คานหรื อตั้งโต๊ะ
ขึ้นใหม่สาหรับโต๊ะดัดเหล็กปลอกจะใช้โต๊ะที่ใช้ไม้ขนาดเล็กไม่ตองสร้างให้แข็งแรงนัก แต่ควร
ํ
้
เป็ นไม้หน้ากว้างสักหน่อยจะทําให้ดดเหล็กปลอกได้ง่าย ปั จจุบนการดัดเหล็กใหญ่จะใช้เครื่ องดัด
ั
ั
ไม่ตองใช้คน 2 คนช่วยดัดจะช่วยลดแรงงานดัดได้ เตรี ยมตัดลวดผูกเหล็กและตัดเหล็กตะแกรง
้
ออกเป็ นท่อนๆ งอปลายตามระยะถ้าเป็ นเหล็กข้ออ้อยมักไม่ตองงอปลายจึงง่าย แต่เหล็กข้ออ้อยมี
้
ํ
ความแข็งจึงนับว่าดัดยากต้องใช้กาลังดัดมาก เหล็กข้ออ้อยบางชนิดสามารถดัดงอได้ตามรัศมีที่
กําหนด เหล็กปลอกจะเป็ นเหล็กเส้นธรรมดาหรื อเหล็กข้ออยก็ได้
้
ั
3. การดัดเหล็ก เป็ นการดัดเหล็กออกตามขนาดที่ใช้กบงานตะแกรงฐานรากก่อน โดยดัดเป็ นเส้นๆ
กองตามจํานวนที่จะใช้ หัวหน้าช่างเหล็กจะใช้อ่าบแบบการเสริ มเหล็กให้เดดข้าใจ สงสัยให้
สอบถามวิศวกรควบคุมหรื อหัวหน้าที่วิศวกรโครงการ จะต้องทราบว่าคอนกรี ตหุมเหล็กฐานราก
้
0.04 เมตร การวัดขนานเหล็กจึงต้องลดระยะลงไปรวมสองด้าน 0.08 เมตร เมื่อเห็นว่าช่างไม้
ติดตั้งแบบใกล้เสร็ จ ช่างเหล็กจะเข้าวางเหล็กได้เลย จึงต้องดัดเหล็กไวให้มากพอที่จะทํางาน
ช่างเหล็กที่เป็ นช่างยกเหล็ก ผูกเหล็กยังมีอีก 5 - 69 คน แล้วแต่งงานจะมีช่างเท่าใด จํานวนอาจ
มากกว่านี้ โดยเฉพาะงานผูกเหล็กตะแกรงหรื อเหล็กปลอกเสาต้องการคนงานผูกเหล็ก 8 – 10 คน
ต่อ 1 กลุ่ม จึงจะทันกับเวลาที่ใช้งาน
- 24. แสดงการเว้ นช่ องเพื่อให้ ช่างเล็กเข้ าติดตั้งเหล็กเสริ ม ช่ างไม้ ทาการคํายันนอกแบบ
ํ
้
-การติดตั้งเหล็ก
ระหว่างประกอบแบบเหล็กด้านข้าง ช่างเหล็กจะยกเหล็กตะแกรงที่ดดไว้แล้วเข้าติดตั้ง ช่างไม้จะ
ั
เว้นช่องแบบเอาไว้ก่อนเพื่อให้ขนเหล็กเข้าได้ง่าย เป็ นลักษณะการทํางานของฐานรากขนาดใหญ่ ระยะของ
แบบแน่นอน เมื่อนําเหล็กมาวางโดยใช้ชอล์กแบ่งระยะจากเหล็กตัวริ มด้านหนึ่งและแบ่งระยะที่เหล็กอีก
เส้นหนึ่งที่วางตัวริ มตั้งฉากกับเส้นแรก ปลายต่อกัน วางเหล็กตะแกรงในแถวเดียวกันเรี ยงชิดกันแล้วใช้
ชอล์กขีดไว้ตามระยะที่วดแบ่งไว้ 1 เส้นเท่านั้น อีกด้านหนึ่งจะทําเช่นเดียวกัน เมื่อเหล็กทุกเส้นมีเส้น
ั
ชอล์กแสดงระยะถ้าจะวางพาดกันจะได้ระยะความห่างตามต้องการ อาจแคบกว่ากําหนดได้แต่จะห่าง
มากกว่ากําหนดไม่ได้ ต้องระวังและดัดเหล็กทุกเส้นให้ตรงก่อนนําเข้าติดตั้ง เมื่อวางเหล็กตะแกรงไปได้
แถวหนึ่ง แถวที่สองที่ต้ งได้ฉากกันเริ่ มวางซ้อนโดยผูกส่ วนหัวเหล็กให้ได้ตามระยะไว้ก่อนให้ตลอดแนวทั้ง
ั
สองฝั่ง อย่างไรก็ดี ต้องไม่ลืมวางลูกปูนหนุนเหล็กให้ลอย 0.04 เมตร ไปทัวๆ พื้นที่ก่อนเพราะเวลาผูก
่
เหล็กตะแกรงจะสอดลวดผูกเหล็กได้ เพราะจะไปยกภายหลังไม่ได้เมื่อผูกเหล็กเป็ นแผงตะแกรงจะหนัก
มากยกสอดลูกปูนได้ยาก ลูกปูนเป็ นลักษณะปูนผสมทรายผสมข้นๆอัตราส่ วน 1 : 2 (ปูนซีเมนต์ : ทราย
หยาบ) เทใส่ แบบให้หนา 0.04 เมตร ปาดผิวหน้าให้เรี ยบและได้ความหนา ปล่อยให้ปูนผิวหมาดเกือบ
่
แห้ง แล้วตัดแบ้งออกเป็ นตาหมารุ กขนาด 0.05 x 0.05 เมตรสี่ เหลี่ยมจัตุรัส ใช้ลวดผูกเหล็กเส้นคูยาว 0.02
เมตร พับทบกันเหลือ 0.10 เมตร สอดส่ วนหัวลวดที่พบกดลงไปบนหน้าลูกปูนในส่ วนกลางชิ้นลูกปูนที่
ั
แบ่งแล้วครึ่ งความหนา (2 ซม.) แล้วใช้นิ้วกดรอยลวดให้หน้าปูนเต็ม ทิ้งให้ลูกปูนแข็ง 1 วัน รุ่ งขึ้นแบ่ง
ั
ลูกปูนออกเป็ นก้อนๆ หนุนเหล็กตะแกรงโดยผูกลวดบนลูกปูนที่ฝ่ังไว้กบเหล็กตะแกรงด้วย
- 25. แสดงการประกอบเหล็กตะแกรงสําหรั บฐานรากขนาดใหญ่ ติดตั้งเหล็กก่ อนตั้งแบบข้ าง
แสดงการวางเหล็กตะแกรงล่างแล้ว ช่างผูกเหล็กจะใช้ลวดทบคู่ สอดผูกเหล็กตะแกรงทุกรอยตัด
กันของเหล็กแบบสาแหรก ตามรู ปจะเห็นว่าผูกเหล็กก่อนแล้วตั้งแบบภายหลัง เนื่องจากเป็ นฐานรากขนาด
ใหญ่เหล็กมาก เพื่อให้สะดวกต่อการทํางาน ช่างเหล็กจะติดตั้งเหล็กตะแกรงก่อนตั้งแบบข้าง แต่ตองวาง
้
่
เหล็กให้อยูในเส้นที่ชีดไว้บนพื้นคอนกรี ตหยาบ ถ้าปล่อยให้เหล็กเส้นใดเส้นหนึ่งยืนจะทําให้ติดแบบ และ
่
ระยะห่ างระหว่างผิวคอนกรี ตกับผิวเหล็กระหว่าง 0.04 – 0.06 เมตร ถือว่าไม่ถูกต้องควรแก้ไข ต้องจัด
คนงานผูกเหล็กหลายคนเพราะเป็ นงานที่ตองผูกหลายจุดดัดของเหล็กตะแกรง ในการติดตั้งเหล็กแกนและ
้
เหล็กตะแกรงแล้วเสร็ จ ดังแสดงในรู ปที่ 7.27 และ 7.28 เมื่อผูกเหล็กตะแกรงทุกรอยดัดของเหล็กอย่าง
แน่นหนาแล้ว เละผูกเหล็กปลอกให้รัดรอบๆ ปลายเหล็กตะแกรงที่ยกขึ้นทั้งสองหัวในส่ วนเหล็กแกนเสา
เองจากเป็ นเสากลมเหล็กปลอกจะต้องกลมด้ว ควรเตรี ยมเหล็กปลอกมาใช้ 6 เปลาะ เริ่ มด้วยการหาศูนย์
เสาโดยการขึงเชือกผ่านแนวเหล็กที่งแนวนอนและแนวตั้ง วัดระยะออกไปด้านละเท่าๆกัน ตามระยะรัศมี
ของเสา นําเหล็กแกนเสาวางตามแนวเหล็กปลอกที่ขีดให้โค้งเป็ นแนวให้ต้ งเหล็กแกนตามความโค้งกลม
ั
ของเหล็กปลอกต้นแบบ สอดเหล็กแกนลงไปทีละตัว และเชื่อมติดกับหลังเหล็กตะแกงตามระยะที่ขีด
ํ
กําหนด เช่น 0.07 เมตรเท่าๆ กันโดยรอบตามจํานานเหล็กที่กาหนดไว้ให้เสริ มเป็ นเหล็กแกน เหล็กปลอก
จะผูกเพียง 4 เปลาะในช่วงความหนาฐานราก ล่วนบนจะผูกเหล็กปลอกยึดอีก 1 – 2 เปลาะเพื่อให้เหล็ก
ตั้งคงรู ป ควรใช้การเชื่อมติดแน่นอนกว่าการผูกด้วยลวด และต้องให้คงรู ปได้เร็ วเมื่อยกเหล็กตั้งขึ้น โดยมี
- 26. ่ ่
คนยกปลายเหล็กยืนอยูบนนังร้านหรื อปลายเหล็ก และที่ส่วนโคนเหล็กศูนย์เสาจะต้องถูกต้อง ตรวจสอบ
ิ
ให้แน่นอน จึงจะวางเหล็กแกนเสาไม่ผดที่
หลังจากนั้นให้เสริ มเหล็กตะแกรงบน รับไว้ดวยเหล็กที่ต่อจากหัวเสาเข็มงอฉากแล้ว การยึดเหล็ก
้
คํ้ายันและการตั้งโครงไม้เพื่อความมันคงและเป็ นแนวทางที่จะเทคอนกรี ตได้ ต้องไม่ลืมผูกลูกปูนด้านข้าง
่
ของเหล็กให้รอบทุกระยะ 1.00 เมตร เพือให้คอนกรี ตหุมเหล็กได้สมํ่าเสมอ ถูกต้อง เป็ นต้น
่
้
แสดงการประกอบเหล็กตะแกรงและเหล็กแกนเสาตอม่ อ ภายหลังจากการตีไม้ คายันรอบ
้ํ
(4) การเทคอนกรีตฐานราก
ดังได้กล่าวถึงความสําคัญของงานฐานราก โดยเฉพาะคอนกรี ตซึ่งเป็ นวัสดุตวหนึ่ง.ที่ร่วมกับงาน
ั
เหล็กเสริ มเพื่อสร้างโครงอาคารให้มนคงแข็งแรงได้ สามารถคํานวณออกเป็ นตัวเลขให้กิดความมันใจใน
ั่
่
การออกแบบอาคาร ทั้งนี้งานส่ วนหนึ่งควรได้รับการปฏิบติที่ถูกต้อง และการนําคอนกรี ตมาทดสอบให้ได้
ั
มาตรฐานในห้องประลองคอนกรี ต
การค้นคว้าทดลองส่ วนหนึ่งทําให้สามารถผลิตคอนกรี ตที่มีคุณภาพสูงได้ อันเนื่องมาจากชนิดของ
วัสดุ คุณสมบัติ อัตราส่ วนผสม การผสม การเท การทําให้คอนกรี ตแน่น และการบํารุ งรักษาหรื อการบ่ม
คอนกรี ต ความรู ้ดงกล่าวได้อธิบายไว้ในเอกสารหลายแห่ง อย่างไรก็ดีจาเป็ นที่จะต้องกล่าวถึงกันอยูเ่ พื่อ
ั
ํ
ไม่ให้เกิดการผิดพลาดอันเกิดจากความรู ้และไม่เข้าใจ สําหรับการลงทุนกับการทําคอนกรี ตเป็ นราคาคงที่แต่
่
คุณภาพของคอนกรี ตเปลี่ยนไป ไม่วาจะทําคอนกรี ตชนิดเหลว คอนกรี ตชนิดปานกลางคอนกรี ตชนิดดี
และคอนกรี ตชนิดดีมากหรื อเรี ยกว่าคอนกรี ตกําลังสูง มาตรฐานการผลิตคอนกรี ตให้มีคุณภาพสูงนั้น ต้อง
- 27. มีการทดสอบคุณสมบัติวสดุผสม การคํานวณออกแบบอัตราส่ วนผสม การผสมที่ถูกต้องตามหลักการของ
ั
คอนกรี ต และการผสมสารตัวเร่ งหรื อสารตัวหน่วง เพือให้คอนกรี ตมีคุณสมบัติสอดคล้องกับงานที่จะใช้
่
คอนกรี ตนั้น ควรนําคอนกรี ตผสมเสร็ จ (Ready Mixed Concrete) มาใช้
งานก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ส่วนมากแล้ว ประกอบด้วยการผสมคอนกรี ตในหน่วยงานส่ วนหนึ่ง
่
กับการใช้คอกรี ตผสมเสร็ จ ทั้งนี้จะต้องพิจารณาอย่างเหมาะสมตามความจําเป็ นกับการใช้คอนกรี ตแม้วา
ราคาของคอนกรี ตผสมเสร็ จจะมีราคาสูงกว่าคอนกรี ตที่ผสมเองในหน่วยงานบ้าง แต่การผสมคอนกรี ตเองก็
มีผลกระทบอื่น เช่น ไม่มีสถานที่กองวัสดุ ช่างผสมไม่มีความชํานาญ และขาดแคลนคนงานผสม รวมทั้ง
การสูญเสี ยวัสดุระหว่างการผสม และการกองวัสดุไว้เป็ นจํานวนมาก ในที่สุดควรเลือกคอนกรี ตผสมเสร็ จ
จะใช้ได้ผลดีกว่า เป็ นต้น
- 28. โครงสร้ างตัวอาคาร
งานเสา
เสาจะรับนํ้าหนักจากคานหรื อพื้นไร้คานและลงสู่ ฐานรากที่มีเข็มรับทอดนํ้าหนักถ่ายลงยังดินหรื อหิ นแข็ง
่
ในระดับลึก จึงถือได้วาโครงสร้างอาคารในส่ วนที่เป็ นเสามีความสําคัญในด้านความแข็งแรงและความ
มันคงของอาคาร การรับนํ้าหนักจากขั้นบนสุ ดจะน้อยและเพิ่มนําหนักขึ้นมาเป็ นลําดับ จนกระทังเสาตอม่อ
่
่
รับนํ้าหนักได้มากที่สุด ฉะนั้นขนาดของเสาและจํานวนของเสาตอม่อทีมีขนาดใหญ่ จะลดลงเป็ นขนาดเล็ก
่ ั
เมื่ออยูที่ช้ นสูงสุ ด ขณะเดียวกันขนาดและจํานวนของเหล็กจะลดลงไปด้วย แต่วิศวกรยังคงออกแบบเป็ นช่วง
ของการลดจํานวนเหล็ก โดยรักษาขนาดของเสาคงที่เอาไว้ ตามแบบสถาปัตยกรรมกําหนด
(1) งานเหล็กเสริมคอนกรีตเสา
โดยเฉพาะเสาอาคารสู งจะมีขนาดใหญ่ จะเป็ นเหลี่ยมจัตุรัสหรื อสี่ เหลี่ยมผืนผ้า เฉพาะเหล็กที่เสริ ม
จะเป็ นเหล็กขนาดใหญ่ มีจานวนหลายเส้นในชิ้นแรกๆ และลดเหล็กลงเมื่อสูงขึ้นไป มีเหล็กแกนและเหล็ก
ํ
่
ปลอกที่เสริ มอยูในคอนกรี ตเสา
่
1. เหล็กแกนเสา มีความสําคัญต่อการเสริ มโครงสร้างเสา เหล็กแกนจะอยูตอนริ มของเสามากเท่าที่
จําเป็ น นอกจากจะรับแรงอัดด้านบนแล้ว เสายังต้องช่วยแรงดัดด้านผิวข้างเมื่อเกิดการงอ จึงต้องทําการ
ออกแบบเป็ นเสาสั้นหรื อเสายาว
2. เหล็กปลอกเสา การเสริ มเหล็กแกนของแต่ละระดับความสูงอาจลดขนาดหรื อลดจํานวนเหล็ก
แกนลงตามการออกแบบของวิศวกร และการเปลี่ยนตําแหน่งที่เสริ มเหล็กแกนหรื อการเสริ มเหล็กแกนที่มี
ขนาดลดลง ทําให้ตองคิดเหล็กปลอกของแต่ละช่วงนั้นออกมา อย่างไรก็ตาม ช่างเหล็กจะปรับขนาดที่จะใช้
้
ในกรณี ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน โดยพิจารณาว่าการเพิ่มด้วยระยะเพียงเล็กน้อยและโตกว่าบ้าง อาจทําให้การ
เสริ มเหล็กปลอกมีแต่ละขนาดที่จะต้องตัดไว้ใช้นอยลง ทําให้ประหยัดเวลา หรื อสามารถนําเหล็กปลอกมา
้
ใช้ชดเชยกันได้เมื่อเหล็กมีขนาดใกล้เคียงกัน
3. เหล็กตะแกรงฐานเสาตอม่ อ จะดูจากแบบขยายฐานราก โดยเฉพาะต้องรู ้ตาแหน่งของเหล็ก
ํ
ตะแกรง ซึ่งปลายงอฉากของเหล็กแกนเสาจะวางบนเหล็กตะแกรงเป็ นการเชื่อมติด 3-4 จุด แทนการผูก จะ
ทําให้ติดตั้งได้เร็ วและสะดวก มีความแข็งแรงกว่าการผูกด้วย
4. เทคนิคของการเสริมเหล็กเสา เสาขนาดใหญ่จะมีจานวนเหล็กแกนหลายเส้น เมื่อเรี ยงเหล็กแกน
ํ