SlideShare a Scribd company logo
1 of 31
Download to read offline
แบบฝึ กหัด เร่ ืองโลกของ                                                      1

                                           เรา
                                                  วัน
ท่ี..................................เดือน..................................................พ.ศ.
                                      ............................
              ช่ ือ.................................................................ชัน
                                                                                      ้
                      ม.٢/........................เลขท่ี......................

ตอนท่ี ١ จงนำ ำตัวอักษรหน้ ำข้อควำมทำงขวำมือมำเติมลงใน ......... หน้ ำข้อควำมทำงซ้ำย
มือท่ีมควำมสัมพันธ์กัน
       ี

……. 1. เส้นผ่ำนศูนย์กลำงของโลกในแนวด่ิง
ก. แก่นโลกชันใน           ้
……. ٢. พ้ืนผิวโลกส่วนท่ีเป็ นพ้ืนดิน
ข. ١٢,٧٥٥ กิโลเมตร
……. ٣. ส่วนท่ีเป็ นชันนอกสุดของโลก
                              ้
ค. เน้ือโลกหรือแมนเทิล
……. ٤. หินไซมำซ่ึงประกอบด้วยสำรประกอบซิลิกำและแมกนี เซีย
ง. เปลือกโลก
……. ٥. ชันของโลกท่ีอยู่ถัดจำกเปลือกโลก หนำประมำณ ٣,٠٠٠ กิโลเมตร
                ้
จ. แก่นโลก
……. ٦. ชันของโลกท่ีมีสถำนะเป็ นของเหลว ประกอบด้วยธำตุเหล็กและนิ เกิล
                  ้
ฉ. เปลือกโลกส่วนบน
……. ٧. ชันในสุดของโลกท่ีมควำมหนำประมำณ ٣,٤٤٠ กิโลเมตร
                    ้                  ี
ช. ١٢,٧١١ กิโลเมตร
……. ٨. ชันของโลกท่ีมีควำมหนำแน่ นมำกท่ีสุด
                      ้
ซ. ١ ใน ٤ ของพ้ืนโลก
……. ٩. ชันของโลกท่ีเรียกว่ำเปลือกทวีปและเปลือกมหำสมุทร
                        ้
ฌ. เปลือกโลกส่วนล่ำง
……. ١٠. เส้นผ่ำนศูนย์กลำงของโลกในแนวนอน
ญ. แก่นโลกชันนอก            ้
                                               ..................................................................
...................................
ตอนท่ี ٢ จงตอบคำำถำมให้ถกต้อง      ู
1. โลกของเรำประกอบด้วย ٤ ส่วนใหญ่ๆ คือ
     ١.١ ธรณี ภำค หมำย
ถึง..............................................................................................................
.......................................................
     ١.٢ อุทกภำค หมำย
ถึง..............................................................................................................
.......................................................
2

      ١.٣ บรรยำกำศ หมำย
ถึง..............................................................................................................
...................................................
      ١.٤ ชีวภำค หมำย
ถึง..............................................................................................................
..........................................................
٢. โลกประกอบด้วยส่วนต่ำงๆ ٣ ชัน คือ        ้
       ٢.١........................................................................ มีควำมหนำ
ประมำณ................................................กิโลเมตร
       ٢.٢........................................................................ มีควำมหนำ
ประมำณ................................................กิโลเมตร
       ٢.٣......................................................................... มีควำมหนำ
ประมำณ................................................กิโลเมตร
٣. เปลือกโลกแบ่งออกเป็ น ٢ ส่วน ดังนี้
      ٣.١ เปลือกโลกส่วนบน ส่วนใหญ่เป็ นหินท่ีเรียกว่ำ ......................................หิน
ชนิ ดนี้ประกอบด้วยธำตุ........................................
      ٣.٢ เปลือกโลกส่วนล่ำง ส่วนใหญ่เป็ นหินท่ีเรียกว่ำ......................................หิน
ชนิ ดนี้ประกอบด้วยธำตุ........................................
٤. ชันท่ีอยู่ถัดจำกเปลือกโลกลงไปเรียกว่ำ
       ้
ชัน.............................................................................................................
  ้
..........................
      ซ่ึงบำงส่วนของชันนี้มีหินเหลวหนื ดท่ีรอนจัดประกอบด้วย
                          ้                          ้
ธำตุ.......................................................................................................
٥. แก่นโลกชันนอกประกอบด้วยของเหลวร้อน ประกอบด้วย
                  ้
ธำตุ.......................................................................................................
٦. แก่นโลกชันในเป็ นชันของแข็ง ประกอบด้วย
                    ้          ้
ธำตุ............................................................................................................
................
٧. ชันใดของโลกมีควำมหนำแน่ นมำก
         ้
ท่ีสุด...........................................................................................................
...............................
٨. ชันใดของโลกมีควำมหนำน้ อย
           ้
ท่ีสุด...........................................................................................................
.......................................
٩. หินหนื ดและร้อนจัดพบในส่วนประกอบชันใดของ             ้
โลก............................................................................................................
.......
١٠. ปรำกฏกำรณ์ท่ีแสดงว่ำภำยในโลกมีควำมร้อนอยู่มำก
ได้แก่..........................................................................................................
ตอนท่ี ٣ จงทำำเคร่ ืองหมำย X บนข้อท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
١. ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
       ก. แมนเทิลเป็ นชันท่ีมีควำมหนำมำกท่ีสุด
                             ้
3

      ข. หินไซอัลจัดเป็ นหินแกรนิ ตท่ีพบมำกท่ีสุดในแก่นโลก
      ค. หินไซมำเป็ นหินบะซอลต์ท่ีพบในชันเปลือกโลกส่วนล่ำง
                                          ้
      ง. แก่นโลกชันนอกเป็ นชันของแข็งประกอบด้วยธำตุเหล็กและนิ เกิล
                          ้       ้
٢. หินหนื ดท่ีพุ่งออกมำขณะเกิดภูเขำไฟระเบิดมำจำกชันใดของโลก และเม่ ือเย็นตัวลงจะ
                                                    ้
กลำยเป็ นหินชนิ ดใด
     ก. ชันแมนเทิล หินอัคนี
              ้                                              ข. ชันแมนเทิล
                                                                    ้
หินตะกอน
     ค. ชันเปลือกโลก หินอัคนี
            ้                                               ง. ชันแก่นโลก หินปูน
                                                                  ้
٣. หินไซอัลเป็ นหินแกรนิ ตพบท่ีส่วนใดของโลก
     ก. แก่นโลก                                               ข. แมนเทิล
     ค. เปลือกโลกส่วนบน                                      ง. เปลือกโลกส่วนล่ำง
٤. ระบบต่ำงๆ ของโลกระบบใดเป็ นส่วนท่ีเก่ียวกับส่ิงมีชีวิต
     ก. ธรณี ภำค                                               ข. อุทกภำค
     ค. บรรยำกำศ                                              ง. ชีวภำค
٥. ข้อใดเรียงลำำดับควำมหนำของชันต่ำงๆ ของโลกจำกมำกไปน้ อยได้ถูกต้อง
                                    ้
     ก. แก่นโลก ---> แมนเทิล ---> เปลือกโลก                   ข. เปลือกโลก --->
แมนเทิล ---> แก่นโลก
     ค. แก่นโลก ---> เปลือกโลก ---> แมนเทิล                   ง. เปลือกโลก --->
แก่นโลก ---> แมนเทิล
٦. พิจำรณำข้อมูลต่อไปนี้
     ١. ชันแมนเทิลมีลักษณะเป็ นหินเหลวหนื ดร้อนจัด
          ้
     ٢. แก่นโลกชันนอกประกอบด้วยของเหลวร้อนท่ีได้ทำำให้เกิดสนำมแม่เหล็กขึ้น
                      ้
     ٣. แก่นโลกชันในเป็ นชันของแข็ง
                        ้       ้
     ก. ข้อ ١                                                 ข. ข้อ ٢ และ ٣
     ค. ข้อ ١ และ ٣                                           ง. ข้อ ٢, ١ และ ٣
7. หินแกรนิ ตท่ีพบอยู่ในชันเปลือกโลกส่วนบนมีธำตุใดเป็ นองค์ประกอบท่ีสำำคัญ
                              ้
     ก. เหล็กและนิ เกิล                                      ข. ซิลิกอนและอลูมิ
เนี ยม
     ค. ซิลิกอนและแมกนี เซียม                                ง. นิ เกิลและแมกนี เซียม
٨. ส่วนใดของโลกท่ีประกอบขึ้นมำจำกของแข็ง เช่น ดิน หิน และแร่ธำตุต่ำงๆ
     ก. ชีวภำค                                               ข. ธรณี ภำค
     ค. อุทกภำค                                               ง. บรรยำกำศ
٩. หินหลอมละลำยท่ีอยู่ใต้เปลือกโลกเรียกว่ำอะไร
     ก. ลำวำ                                                 ข. แมกมำ
     ค. อัคนี                                                 ง. ตะกอน
١٠. ควำมร้อนในแต่ละชันของโลกมีลักษณะดังข้อใด
                            ้
      ก. ย่ิงต้ืนย่ิงร้อน                                     ข. ย่ิงลึกย่ิงร้อน
      ค. ย่ิงลึกย่ิงเย็น                                       ง. คงท่ีเท่ำกันหมด

***************************************************************

                                      แบบฝึ กหัด
                                       เร่ องดิน
                                           ื
4


                                                  วัน
ท่ี..................................เดือน..................................................พ.ศ.
                                      ............................
              ช่ ือ.................................................................ชัน
                                                                                      ้
                      ม.٢/........................เลขท่ี......................
ตอนท่ี ١ จงตอบคำำถำมให้ถกต้อง         ู
1. โลกประกอบด้วยพ้ืนดินเท่ำไร......................................%
٢. ดินเกิดขึ้นได้อย่ำงไร
.................................................................................................................
.......................................................
        ............................................................................................................
...............................................................................................
٣. ดินประกอบด้วยอะไร
บ้ำง............................................................................................................
......................................................
4. ฮิวมัสเกิดจำก
อะไร...........................................................................................................
..................................................................
٥. ดินท่ีมีฮิวมัสมำกจะมีลักษณะ
อย่ำงไร........................................................................................................
........................................
٦. ทำำไมดินร่วนจึงมีควำมเหมำะสมแก่กำรปลูก
พืช.............................................................................................................
.................
٧. ถ้ำแบ่งดินออกตำมประเภทของควำมลึกสำมำรถแบ่งได้ ٤ ชัน ได้แก่                   ้
        ٧.١
ชัน.............................................................................................................
  ้
...............................................................................
                ....................................................................................................
.............................................................................................
        ٧.٢
ชัน.............................................................................................................
    ้
.................................................................................
        ٧.٣
ชัน.............................................................................................................
      ้
................................................................................
                ....................................................................................................
.............................................................................................
5

     ٧.٤
ชัน.............................................................................................................
  ้
.................................................................................
٨. ดินท่ีมีควำมพรุนสูง ควรมีลักษณะ
อย่ำงไร........................................................................................................
...........................
٩. ดินเปรียวหมำย
              ้
ถึง..............................................................................................................
................................................................
10. ดินเป็ นกรดมีค่ำ pH
เท่ำไร..........................................................................................................
.....................................................
١١. กำรปรับปรุงแก้ไขควำมเป็ นกรดของดินทำำได้
โดย............................................................................................................
.............
١٢. ดินเค็มหมำย
ถึง..............................................................................................................
..................................................................
١٣. กำรปรับปรุงแก้ไขดินเค็มทำำได้
โดย............................................................................................................
......................................
     ............................................................................................................
..............................................................................................
١٤. ดินท่ีขำดควำมอุดมสมบูรณ์มีลักษณะเป็ น
อย่ำงไร........................................................................................................
...................
١٥. กำรแก้สภำพดินท่ีขำดควำมอุดมสมบูรณ์ทำำได้
อย่ำงไร........................................................................................................
...........
١٦. เพรำะเหตุใดในกำรปลูกพืชจึงต้องมีกำรพรวนดินอยู่
เสมอ..........................................................................................................
..
١٧. ดินฝำดหมำย
ถึง..............................................................................................................
.................................................................
١٨. ดินเป็ นเบสแก้ไข
อย่ำงไร........................................................................................................
.......................................................
19. ดินเป็ นเบส มีค่ำ pH
เท่ำไร..........................................................................................................
...................................................
6

٢٠. ดินมำร์ลเกิดจำกกำรสลำยตัวของหินชนิ ด
ใด..............................................................................................................
..................
٢١. กำรเติมปุ ุยอินทรีย์มีผลต่อดิน
อย่ำงไร........................................................................................................
...................................
٢٢. กำรชะล้ำงพังทลำยของดินเกิดจำกสำเหตุใด
       ٢٢.٢.............................................................................................٢٢.١.................
..........................................................................
٢٣. วิธีป้องกันกำรชะล้ำงพังทลำยของดินทำำได้อย่ำงไรบ้ำง
       ٢٣.١....................................................................................................
..........................................................................................
       ٢٣.٢....................................................................................................
..........................................................................................
       ٢٣.٣....................................................................................................
..........................................................................................
       ٢٣.٤....................................................................................................
..........................................................................................
٢٤. เพรำะเหตุใดกำรปลูกพืชชนิ ดเดียวกันซำำซำกจึงทำำให้ได้ผลผลิตลดลงทุกปี แก้ไขได้หรือ
                                                             ้
ไม่อย่ำงไร........................................
       ..........................................................................................................
............................................................................................

ตอนท่ี ٢ จงทำำเคร่ ืองหมำย X บนข้อท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

١. ดินเป็ นวัตถุท่ีเกิดขึ้นตำมธรรมชำติ เกิดจำกกำรสลำยตัวของอะไร
       ก. หิน                                                  ข. แร่
       ค. กำรสลำยตัวของอินทรียสำร                           ง. ทัง ก ,ข และ ค
                                                                  ้
٢. ฮิวมัส ซ่ึงเป็ นอำหำรของพืชเกิดจำกอะไร
       ก. กำรเน่ ำเป่ ือยของซำกพืช มีสเขียว
                                      ี                     ข. กำรเน่ ำเป่ ือยของซำกสัตว์ มีสี
นำ ้ ำตำล
       ค. กำรเน่ ำเป่ ือยของซำกพืชซำกสัตว์ มีสีเขียว     ง. กำรเน่ ำเป่ ือยของซำกพืชซำก
สัตว์ มีสีดำำ
٣. ข้อควำมใดถูก
       ก. ดินชันบนมักมีสำรอนิ นทรีย์สะสมอยู่ท่ีผิวดินมำกทำำให้ดินมีสีคลำำ
                 ้                                                           ้
       ข. ดินชันบนมักมีสำรอินทรีย์สะสมอย่ท่ีผิวดินมำกทำำให้ดินมีสีคลำำ
               ้                             ู                           ้
       ค. ดินชันล่ำงมักมีสำรอนิ นทรีย์สะสมอยู่มำกทำำให้ดินชันล่ำงมีสีคลำำ
                     ้                                       ้                 ้
       ง. ดินชันล่ำงมักมีสำรอินทรีย์สะสมอยู่มำกทำำให้ดินชันล่ำงมีสีคลำำ
                   ้                                      ้            ้
٤. วัตถุตนกำำเนิ ดดินจะอยู่บริเวณใด
             ้
       ก. ผิวหน้ ำดิน             ข. ดินชันบน
                                           ้                ค. ใต้ดินชันล่ำง
                                                                           ้            ง.
ดินชันใดก็ได้
        ้
٥. ดินแต่ละแห่งจะมีลักษณะของดินแตกต่ำงกันขึ้นอยู่กับปั จจัยในข้อใด
          ก. เวลำท่ีเกิดดิน                                     ข. ลักษณะภูมิประเทศ
7

     ค. ลักษณะธรณี สัณฐำน                             ง. ถูกทุกข้อ
٦. จำกแผนภูมินี้ หมำยเลข ١ และหมำยเลข ٢ ควรเป็ นอะไร ตำมลำำดับ
                               หินและแร่                   สำรอินทรีย์


                                    หมำยเล                ฮิวมัส
                                     ข١


                                              หมำยเล
                                              ข٢
      ก. ดินและวัตถุต้นกำำเนิ ดดิน                                         ข. วัตถุตนกำำเนิ ดดินและ
                                                                                    ้
ดิน
      ค. ดินและซำกพืชซำกสัตว์                                             ง. ซำกพืช ซำกสัตว์ และดิน

  ช่ ือ.................................................................ชัน ม.٢/........................เลข
                                                                          ้
                                             ท่ี......................

 ٧. กระบวนกำรสร้ำงดินไม่เก่ียวข้องกับส่ิงใด
        ก. ฮิวมัส                                                ข. สำรอินทรีย์
        ค. หินและแร่                                            ง. พลังงำนแสง
٨. เม็ดดินต่ำงชนิ ดกัน ย่อมมีขนำดเส้นผ่ำนศูนย์กลำงต่ำงกัน เรียงลำำดับขนำดเม็ดดินจำก
เม็ดขนำดใหญ่เรียงไปจน
        เม็ดขนำดเล็กได้ดังนี้
        ก. ดินทรำย ดินร่วน ดินเหนี ยว                            ข. ดินทรำย ดินเหนี ยว
ดินร่วน
        ค. ดินร่วน ดินทรำย ดินเหนี ยว                            ง. ดินเหนี ยว ดินทรำย
ดินร่วน
٩. กำรปลูกต้นไม้จำำเป็ นต้องพรวนดิน ต้นไม้จึงจะเจริญงอกงำมเพรำะเหตุใด
        ก. ทำำให้ดินพรุน อำกำศผ่ำนไปยังรำกได้ เซลล์รำกสำมำรถใช้หำยใจได้
        ข. ทำำให้ดินไม่รวมตัวกันอัดแน่ น ทำำให้รำกสำมำรถแตกแขนงได้มำกขึ้น
        ค. ทำำให้นำ้ำซึมผ่ำนลงไปถึงรำกได้ง่ำยขึ้น
        ง. ทำำให้เกิดกำรระบำยควำมร้อนจำกดินได้ดีขึ้น
١٠. นำ ้ ำไหลผ่ำนดินชันล่ำงกับดินชันบนในอัตรำเร็วดังนี้
                        ้            ้
        ก. ไหลผ่ำนดินชันบนได้ช้ำกว่ำ เน่ องจำกดินชันบนพรุนมำกกว่ำ
                                ้        ื          ้
        ข. ไหลผ่ำนดินชันล่ำงได้เร็วกว่ำ เน่ องจำกดินชันล่ำงพรุนมำกกว่ำ
                            ้                  ื          ้
        ค. ไหลผ่ำนดินชันล่ำงได้ช้ำกว่ำ เน่ องจำกดินชันล่ำงแน่ นมำกกว่ำ
                              ้            ื          ้
        ง. ไหลผ่ำนดินชันบนได้เร็วกว่ำ เน่ องจำกดินชันบนแน่ นมำกกว่ำ
                          ้                  ื          ้
١١. ธำตุหลำย ๆ ชนิ ดท่ีพืชใช้ในกำรเจริญเติบโตได้มำจำกแหล่งใดมำกท่ีสุด
        ก. ดิน                    ข. หิน                        ค. อำกำศ
ง. นำ ้ ำ
١٢. โดยธรรมชำติดินมีส่วนประกอบในข้อใดมำกท่ีสุด
8

          ก. นำ ้ ำ                    ข. แก๊ส                         ค. อินทรียวัตถุ
ง. สำรอนิ นทรีย์
١٣. ส่วนประกอบของดินท่ีมีผลต่อควำมพรุนของดิน คือข้อใด
          ก. นำ ้ ำ                    ข. แก๊ส                         ค. อินทรียวัตถุ
ง. สำรอนิ นทรีย์
١٤. กำรสลำยตัวของสำรในข้อใดทำำให้ดินมีฮิวมัส
          ก. หินและแร่                                                ข. ทรำย
          ค. ซำกพืชและซำกสัตว์                                       ง. ข้อ ก และ ข้อ ข ถูก
١٥. ดินท่ีมีฮิวมัสมำกจะมีลักษณะอย่ำงไร
        ก. มีสีดำำ มีนำ้ำหนั กมำก                                    ข. นำ ้ ำหนั กเบำ ซับนำ ้ ำได้ดี
        ค. นำ ้ ำหนั กมำก ซับนำ ้ ำได้น้อย                           ง. มีสีดำำเข้ม เม็ดดินขนำดเล็ก
ซับนำ ้ ำได้ดี
١٦. ดินชันใดมีอินทรียวัตถุมำก
               ้
          ก. ชันผิวดิน
                   ้                       ข. ชันดินแร่
                                                ้                    ค. ชันสะสมของแร่
                                                                             ้
ง. ชันดินดำน
        ้
١٧. ดินชันใดร่วนซุยกว่ำกัน
                 ้
          ก. ดินชันบนมีเม็ดดินขนำดโตกว่ำดินชันล่ำง ดินชันบนจึงร่วนซุยกว่ำ
                           ้                      ้            ้
          ข. ดินชันล่ำงมีเม็ดดินขนำดโตกว่ำดินชันบน ดินชันล่ำงจึงร่วนซุยกว่ำ
                       ้                              ้      ้
          ค. ดินชันบนมีเม็ดดินขนำดเล็กกว่ำดินชันล่ำง ดินชันบนจึงร่วนซุยกว่ำ
                         ้                                ้      ้
          ง. ดินชันล่ำงมีขนำดเม็ดดินเท่ำกับดินชันบน แต่ดินชันล่ำงมีดินชันบนทับอยู่จึงทำำให้
                     ้                                  ้          ้             ้
ดินชันล่ำงร่วนซุยกว่ำ
      ้
١٨. ค่ำ pH เท่ำใดจึงมีสภำพเป็ นกลำง
          ก. pH ١٤                          ข. pH ١٠                   ค. pH ٧
ง. pH ٣
١٩. ในกรณี ท่ทดสอบสภำพดินพบว่ำดินเป็ นกรดมำกเกินไป ควรจะเติมสำรใดผสมลงในดิน
                             ี
          ก. ปูนขำว                        ข. ดินมำร์ล                  ค. กำำมะถัน
ง. ก หรือ ข
٢٠. pH ข้อใดมีสภำวะเป็ นกรดมำกท่ีสุด
          ก. pH ٢                           ข. pH ٤                          ค. pH ٦
ง. pH ٨
٢١. พืชชนิ ดใดท่ปลูกแล้วดินจะมีธำตุไนโตรเจนสูงขึ้น
                               ี
          ก. พืชตระกูลส้ม                                               ข. พืชตระกูลกุหลำบ
          ค. พืชตระกูลถัว        ่                                      ง. พืชตระกูลบอน
٢٢. ท่ีดินแห่งหน่ ึงมี pH เหมำะสำำหรับปลูกถัวเหลือง มันเทศ มันฝรัง คือ มี pH อย่ระหว่ำง ٥
                                                    ่                          ่                ู
٦.٥ - ถ้ำต้องกำร
          เปล่ียนไปปลูกฝ้ ำย ซ่ึงต้องกำรดินท่ีมี pH อยู่ระหว่ำง ٨ - ٦ จะต้องทำำอย่ำงไร
          ก. เติมกรดอินทรีย์                ข. เติมปุ ุยเคมี             ค. เติมปูนขำว
ง. ไถพรวนดิน
٢٣. pH มีค่ำเท่ำใดจึงมีสภำวะเป็ นเบสมำกท่ีสุด
          ก. pH ٢                          ข. pH ٤                        ค. pH ٦
ง. pH ٨
24. ระหว่ำงกรวด ทรำย ดินละเอียด วัตถุชนิ ดใดตกตะกอนก่อนและหลังตำมลำำดับ
9

        ก. ดินละเอียด ทรำย กรวด                                                ข. ทรำย ดินละเอียด กรวด
        ค. กรวด ทรำย ดินละเอียด                                                ง. กรวด ดินละเอียด ทรำย
٢٥. ปุ ุยในข้อใดท่ีใช้แล้วไม่ทำำให้ดินเสีย
        ก. ปุ ยคอก
               ุ                                                                ข. ปุ ยหมัก
                                                                                      ุ
        ค. ปุ ุยวิทยำศำสตร์                                                    ง. ข้อ ก และ ข้อ ข ถูก
26. ในดินท่ีมีกำรเน่ ำเป่ ือยผุพังของซำกพืชซำกสัตว์ ควำมเป็ นกรด เบสของดินบริเวณนั ้น
ควรเป็ นอย่ำงไร
         ก. เป็ นเบส                                                            ข. เป็ นกลำง
         ค. เป็ นกรด                                                            ง. เป็ นเบสมำกกว่ำเป็ นก
ลำง
٢٧. เหตุท่ีดินเหนี ยวตำมแหล่งต่ำง ๆ มีสีไม่เหมือนกัน เช่น ดินเหนี ยวท่ีรำชบุรีสีแดง แต่ดิน
เหนี ยวท่ีนนทบุรีสีดำำ
        เพรำะเหตุใด
        ก. อุณหภูมิท่ทำำให้เกิดดินเหนี ยวแตกต่ำงกัน
                          ี
        ข. แร่ธำตุต่ำง ๆ ท่ีผสมอยู่แตกต่ำงกัน
        ค. เม็ดอนุภำคของดินเหนี ยวแตกต่ำงกัน
        ง. ผลึกของแร่ธำตุชนิ ดเดียวกันมีขนำดต่ำงกัน สีดินจึงแตกต่ำงกัน
28. ดินเค็มหมำยถึงอะไร
        ก. ดินท่ีมีรสเค็ม                                                     ข. ดินท่ีมควำมเป็ นเบส
                                                                                         ี
        ค. ดินท่ีมควำมเป็ นกรด
                     ี                                                        ง. ดินท่ีมีเกลืออยู่มำก
٢٩. กำรแก้ปัญหำดินเค็มควรใส่สำรใดลงไปในดิน
        ก. กำำมะถันผง                                                         ข. แคลเซียมซัลเฟต
        ค. แคลเซียมไฮดรอกไซด์                                                ง. ข้อ ก และ ข ถูก
٣٠. ข้อใดเหมำะสมท่ีสุดสำำหรับกำรปลูกพืชบนท่ีลำดชันมำก ๆ
        ก. ปลูกตำมแนวขวำงของพ้ืนท่ี                                          ข. ปลูกต้นไม้ยืนต้นสลับ
ตำมแนวขวำง
        ค. ปลูกพืชตำมแนวขวำงและยำวสลับกัน                                   ง. ข้อ ก และ ข ถูก
  ช่ ือ.................................................................ชัน ม.٢/........................เลข
                                                                          ้
                                             ท่ี......................
ใช้ข้อมูลในตำรำงตอบคำำถำมข้อ ٣١
 จำตำรำงค่ำ pH ของดินท่ีเหมำะสมกับพืชบำงชนิ ดต่อไปนี้ จงพิจำรณำว่ำข้อสรุปใดถูกต้อง

เลขท่ี         ชนิ ดของพืช            ค่า pH ท่ี       เลข           ชนิ ดของพืช             ค่า pH ท่ี
                                       เหมาะ            ท่ี                                   เหมาะ
  1       ข้ำว                        ٦.٠-٥.٥            ٨     มันเทศ                        ٧.٠-٥.٠
  2       กล้วยไม้                    ٧.٠-٦.٨           9      ฝ้ ำย                         ٦.٠-8.0
  3       กะหลำ่ำดอก                  ٧.٠-٦.٠           10     ถัวลิสง
                                                                  ่                          ٧.٥-٦.٠
  4       แตงไทย หอม                  ٧.٠-٥.٧           11     อ้อย                          ٨.٠-٦.٠
  5       กะหลำ่ำปลี คะน้ ำ           ٧.٠-٥.٧           12     มะม่วง                        ٨.٠-٦.٥
  6       มะเขือเทศ                   ٧.٠-٥.٥           13     กล้วย                         ٧.٥-٦.٠
  7       ยำสูบ                       ٥.٧-٥.٤           14     สับปะรด                       ٥.0-6.0

         จำกตำรำงสรุปได้ว่ำ
10

       ١. ดินชนิ ดท่ีปลูกข้ำวได้ ย่อมเหมำะท่ีจะปลูกพืชพวกยำสูบ สับปะรด แตงไทยได้
       ٢. พืชบำงชนิ ด เช่น ฝ้ ำย อ้อย มะม่วง สำมำรถปลูกได้ในดินท่ีเป็ นทังกรดหรือเบส
                                                                           ้
       ٣. พืชท่ีปลูกไม่ได้ในดินท่ีเป็ นกรด ได้แก่ กะหลำ่ำปลี มะเขือเทศ มันเทศ
٣١. ข้อสรุปท่ีถูกต้องได้แก่ข้อใด
       ก. ٢, ١ และ ٣                                             ข. ١ และ ٢
       ค. ٢ และ ٣                                                ง. ١ และ ٣
٣٢. หินมำร์ลมีสำรใดเป็ นองค์ประกอบ
      ก. แคลเซียมออกไซด์                                        ข. แคลเซียมไฮดรอกไซด์
      ค. แคลเซียมคำร์บอเนต                                       ง. ถูกทุกข้อ
٣٣. เม่ ือนำ ำดินจำกผิวดินบริเวณหน่ ึงไปละลำยนำ ้ ำ แล้วทดสอบด้วยกระดำษลิตมัส ปรำกฏว่ำ
สำรละลำยท่ีได้สำมำรถ
      เปล่ียนสีกระดำษลิตมัสจำกสีนำ้ำเงินเป็ นสีแดง ถ้ำเรำต้องปรับสภำพของดินให้เป็ นกลำง
จะต้องเติมสำรใดลงไป
      ก. กำำมะถันผง                                               ข. ฮิวมัส
      ค. ปูนขำว                                                   ง. ข้อ ก และ ข ถูก
٣٤. ข้อควำมในข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง
      ก. โครงกำรอีสำนเขียวเป็ นโครงกำรช่วยปลูกต้นไม้และอนุรกษ์ดินกับต้นนำ ้ ำลำำธำร
                                                                   ั
      ข. ต้นข้ำวชอบดินท่ีมีฤทธิเ์ป็ นกรด จึงควรปลูกถัวเป็ นพืชหมุนเวียนเสร็จแล้วจึงมีกำร
                                                        ่
ไถกลบ
      ค. พืชท่ีชอบดินท่ีมีฤทธิเ์ป็ นกลำงสำมำรถปลูกได้ทังดินท่ีมีฤทธิเ์ป็ นกรดและดินท่ีมี
                                                          ้
ฤทธิเ์ป็ นเบส
      ง. ข้อ ก และ ข ถูก
٣٥. ลักษณะดินทำสงภำคตะวันออกเฉี ยงเหนื อของประเทศไทยเป็ นดินร่วนและดินทรำย
ถ้ำจะปรับปรุงพ้ืนท่ีให้
       เหมำะสมกับกำรเพำะปลูก ส่ิงแรกท่ีต้องทำำคือข้อใด
    ก. เติมดินเหนี ยวเพ่ ือให้ดินอุ้มนำ ้ ำได้ดีขึ้น
    ข. เติมฮิวมัสเพ่ ือให้ดินอุ้มนำ ้ ำได้ดีขึ้น
    ค. ปรับปรุงระบบชลประทำนให้ดีขึ้น
    ง. เติมเกลือของธำตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม เพ่ ือให้ดินมีควำมสมบูรณ์
    และเหมำะสมมำกขึ้น

٣٦. กำรปลูกพืชหมุนเวียนหมำยถึงข้อใด
       ก. กำรปลูกพืชชนิ ดเดียวกัน เป็ นกำรปลูกต่อเน่ องหลังจำกเก็บเก่ียวร่นแรกแล้ว เพ่ ือ
                                                     ื                    ุ
ไม่ให้พ้ืนดินอยู่ว่ำง
       ข. กำรปลูกพืชต่ำงชนิ ด หลังจำกปลูกพืชชนิ ดแรกเก็บเก่ียวเสร็จแล้วปลูกพืชชนิ ดอ่ ืน
ต่อ
       ค. กำรปลูกพืชต่ำงชนิ ด หลังจำกปลูกพืชชนิ ดแรกเก็บเก่ียวเสร็จแล้วทิงไว้อีก ١ ปี เพ่ ือ
                                                                            ้
ให้ดินปรับตัวตำม
            ธรรมชำติ แล้วจึงปลูกพืชชนิ ดอ่ ืน
       ง. กำรปลูกพืชชนิ ดเดียวกัน แต่เว้นให้ดินได้ปรับตัวตำมธรรมชำติแล้ว ١ ปี จึงปลูกต่อ
ไป
٣٧. ควำมอุดมสมบูรณ์ของดินลดลงเพรำะเหตุใด
11

         ก. กำรไถพวนดิน                                   ข. กำรปลูกพืชตำมแนว
ระดับขวำงควำมลำดชัน
         ค. กำรปลูกพืชคลุมดิน                             ง. กำรปลูกพืชชนิ ดเดียวซำำ
                                                                                   ้
บริเวณเดิมโดยไม่เติมปุ ุย
٣٨. ปุ ุยเคมีชนิ ดใดท่ีทำำให้ดินเป็ นกรดได้ง่ำย
         ก. แคลเซียมฟอสเฟต                                 ข. แอมโมเนี ยมซัลเฟต
         ค. แคลเซียมไฮดรอกไซด์                             ง. โพแทสเซียมไนเตรต
٣٩. กำรกระทำำในข้อใดท่ทำำให้ดินเสียน้ อยท่ีสุด
                               ี
         ก. กำรปล่อยนำ ้ ำเสียลงไปในดิน                   ข. กำรใช้ยำฆ่ำแมลงเพ่ ือ
ปรำบศัตรูพืช
         ค. กำรฝั งซำกพืชซำกสัตว์ลงไปในดิน               ง. กำรใช้ปูนขำวแก้ดิน
เปรียวเป็ นเวลำนำน
    ้
٤٠. ส่ิงใดช่วยลดกำรพังทลำยของดินตำมริมฝั่ งแม่นำ้ำโดยธรรมชำติได้ดีท่ีสุด
         ก. บ้ำนท่ีปลูกอยู่ริมฝั่ ง                       ข. หินท่ีอยู่ตำมริมฝั่ ง
         ค. เรือท่ีจอดน่ิงอยู่ริมฝั่ ง                    ง. ต้นไม้และหญ้ำท่ีขึ้นอยู่
ริมฝั่ ง

                 ****************************************




                                  แบบฝึ กหัดเร่ ืองหิน
                                                 วัน
ท่ี..................................เดือน..................................................พ.ศ.
                                     ............................
           ช่ ือ..............................................................................ชัน
                                                                                                ้
                           ม.٢/........................เลขท่ี....................
12
ตอนท่ี ١ จงตอบคำำถำมให้ถกต้อง
                        ู
                                                     หินอัค
١. กำรแบ่งหินตำมลักษณะกำรเกิดแบ่งได้..................ประเภท
ได้แก่..................................................................................................
٢. หินอัคนี เกิดได้ ٢ ลักษณะคือ
     ٢.١ ......................................................................................................
..............................................................................................
            ตัวอย่ำงหินอัคนี ประเภทนี้
ได้แก่..........................................................................................................
......................................
     ٢.٢ ......................................................................................................
.............................................................................................
            ตัวอย่ำงหินอัคนี ประเภทนี้
ได้แก่..........................................................................................................
......................................
٣. หินอัคนี พุหรือหินภูเขำไฟ หมำยถึง หินอัคนี ท่ีเกิด
จำก............................................................................................................
..........
      ตัวอย่ำงหินอัคนี พุหรือหินภูเขำไฟ
ได้แก่..........................................................................................................
................................
٤. ประโยชน์ของหิน
แกรนิ ต........................................................................................................
..........................................................
٥. ประโยชน์ของหินไดออ
ไรต์............................................................................................................
...................................................
٦. ประโยชน์ของหินแกบ
โบร.............................................................................................................
...................................................
٧. ประโยชน์ของหินไร
โอไลต์.........................................................................................................
.....................................................
٨. ประโยชน์ของหินแอนดี
ไซต์............................................................................................................
.................................................
٩. ประโยชน์ของหินบะ
ซอลต์..........................................................................................................
......................................................
١٠. ประโยชน์ของหินออบซีเดีย
น...............................................................................................................
...........................................
13

١١. ประโยชน์ของหินพัม
มิซ.............................................................................................................
.....................................................
١٢. ประโยชน์ของหินสคอ
เรีย.............................................................................................................
...................................................

                                                      หินตะกอน

١٣. หินตะกอนเกิด
จำก............................................................................................................
............................................................
١٤. กระบวนกำรสำำคัญในธรรมชำติท่ทำำให้เกิดหินตะกอนี
คือ..........................................................................................................
         ..........................................................................................................
............................................................................................
١٥. ตัวเช่ ือมประสำนท่ีทำำให้ตะกอนจับตัวกัน
ได้แก่..........................................................................................................
.................
١٦. หินตะกอนท่ีเกิดจำกกำรย่อยสลำยและแปรสภำพของส่ิงมีชีวิต
ได้แก่..........................................................................................
17. หินตะกอนท่ีเกิดจำกกำรสะสม ทับถมของตะกอนต่ำงๆ พบเห็นได้มำกท่ีสุด
ได้แก่.....................................................................
        ...........................................................................................................
.............................................................................................
١٨. หินตะกอนท่ีเกิดจำกกำรระเหยของนำ ้ ำในสำรละลำย หรือเกิดจำกกำรตกตะกอนสะสม
ตัวของสำรละลำยอยู่ในนำ ้ ำ ได้แก่............
         ..........................................................................................................
..............................................................................................
١٩. หินตะกอนท่ีเกิดจำกกำรยุบสลำยของหินอัคนี เน้ือหินประกอบด้วยตะกอนเป็ นเม็ดสี
นำ ้ ำตำลดำำแดง เน้ือหยำบ ขรุขระ ได้แก่ ......
         ..........................................................................................................
............................................................................................
٢٠. ซำกดึกดำำบรรพ์พบได้ใน
หิน.............................................................................................................
..............................................
٢١. ประโยชน์ของหินกรวดมน หินกรวด
เหล่ียม........................................................................................................
............................
14

22. ประโยชน์ของ
หินทรำย......................................................................................................
..............................................................
٢٣. ประโยชน์ของหินทรำย
แป้ ง............................................................................................................
.................................................
٢٤. ประโยชน์ของหินโคลนและ
หินดินดำน...................................................................................................
.......................................
٢٥. ประโยชน์ของ
หินปูน.........................................................................................................
............................................................
٢٦. หินปูนมีสำรใดเป็ นองค์
ประกอบ......................................................................................................
.............................................
٢٧. ประโยชน์ของศิลำ
แลง............................................................................................................
......................................................

                                                     หินแป
                                                        ร
28. หินแปรเกิด
จำก............................................................................................................
.................................................................
       ..........................................................................................................
............................................................................................
29. ปั จจัยท่ีทำำให้หินแปรสภำพ
ได้แก่..........................................................................................................
........................................
٣٠. หินชนวนแปรสภำพมำจำก
หิน.............................................................................................................
...........................................
٣١. ประโยชน์ของ
หินชนวน.....................................................................................................
............................................................
٣٢. หินฟิ ลไลต์แปรสภำพมำจำก
หิน.............................................................................................................
.......................................
33. ประโยชน์ของหิน
ฟิ ลไลต์........................................................................................................
.....................................................
15

٣٤. หินชิสต์แปรสภำพมำจำก
หิน.............................................................................................................
...........................................
35. ประโยชน์ของหินชีส
ต์...............................................................................................................
....................................................
٣٦. หินไนส์แปรสภำพมำจำก
หิน.............................................................................................................
...........................................
37. ประโยชน์ของหิน
ไนส์............................................................................................................
.......................................................
٣٨. หินควอร์ตไซต์แปรสภำพมำจำก
หิน.............................................................................................................
.................................
39. ประโยชน์ของหินควอร์ต
ไซต์............................................................................................................
..............................................
٤٠. หินอ่อนแปรสภำพมำจำก
หิน.............................................................................................................
...........................................
41. ประโยชน์ของหิน
อ่อน...........................................................................................................
........................................................
٤٢. หินตะกอน หินอัคนี และหินแปร มีควำมสัมพันธ์กัน
อย่ำงไร........................................................................................................
.
      ...........................................................................................................
.............................................................................................




                                                      แร่
16

٤٣. แร่ หมำย
ถึง..............................................................................................................
.......................................................................
      ...........................................................................................................
.............................................................................................
44. ลักษณะทำงกำยภำพของแร่พิจำรณำจำกส่ิงใด
บ้ำง............................................................................................................
..............
٤٥. แร่ชนิ ดใดท่ีมีควำมแข็งมำกท่ีสุด............................... แร่ชนิ ดใดมีควำมแข็งน้ อย
ท่ีสุด.................................................................
٤٦. ควำมหนำแน่ นของแร่ มำย
ถึง..............................................................................................................
...........................................
٤٧. ควำมหนำแน่ นสัมพัทธ์ของแร่ หมำย
ถึง..............................................................................................................
............................
٤٨. แร่โลหะเกิด
จำก............................................................................................................
....................................................................
٤٩.แร่โลหะท่ีพบในประเทศไทย
ได้แก่..........................................................................................................
......................................
50. ประโยชน์ของ
แร่ดีบุก........................................................................................................
...........................................................
       ..........................................................................................................
..........................................................................................
51 ประโยชน์ของแร่ทังสเตน
(วุลแฟรม)....................................................................................................
......................................
       ..........................................................................................................
..........................................................................................
٥٢. ประโยชน์ของแร่
แทนทำลัม....................................................................................................
......................................................
       ..........................................................................................................
..........................................................................................
53. แร่อโลหะหมำย
ถึง..............................................................................................................
..........................................................
17

54. แร่อโลหะท่ีพบในประเทศไทย
ได้แก่..........................................................................................................
...............................
٥٥. ประโยชน์ของ
ใยหิน..........................................................................................................
........................................................
٥٦. ประโยชน์ของ
ดินขำว........................................................................................................
..........................................................
٥٧. ประโยชน์ของ
เกลือหิน......................................................................................................
............................................................
٥٨. ประโยชน์ของ
เพชร...........................................................................................................
.......................................................
٥٩. ประโยชน์ของ
ยิปซัม.........................................................................................................
.........................................................
٦٠. เช้ือเพลิงท่ีพบในประเทศไทย
ได้แก่..........................................................................................................
................................
٦١. ถ่ำนหิน เกิด
จำก............................................................................................................
..............................................................
       ..........................................................................................................
........................................................................................
٦٢. กำรแบ่งชนิ ดและคุณภำพของถ่ำนหินขึ้นอยู่
กับ.............................................................................................................
.............
٦٣. ในประเทศไทยมีถ่ำนหินหลำยประเภท
ได้แก่..........................................................................................................
.....................
٦٤. ปั จจุบันได้นำำถ่ำนหินมำใช้ใน
กำร............................................................................................................
....................................
٦٥. ถ่ำนหินท่ีมีคุณภำพดี มีปริมำณคำร์บอนสูง
ได้แก่..........................................................................................................
................
٦٦. ปิ โตรเลียมเกิด
จำก............................................................................................................
..............................................................
18

      ...........................................................................................................
...........................................................................................
٦٧. แหล่งปิ โตรเลียมท่ีสำำคัญในประเทศไทย
ได้แก่..........................................................................................................
....................
٦٨. แหล่งแก๊สธรรมชำติบนบกท่ีสำำคัญ
ได้แก่..........................................................................................................
...........................
٦٩. แหล่งแก๊สธรรมชำติในอ่ำวไทยท่ีสำำคัญ
ได้แก่..........................................................................................................
......................
70. หินนำ ้ ำมันเกิด
จำก............................................................................................................
................................................................

  ตอนท่ี ٢ จงทำำเคร่ ืองหมำย X ลงบนข้อท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
١. นั กธรณี วิทยำแบ่งหินท่ีเป็ นส่วนของเปลือกโลกเป็ น ٣ ประเภท หินประเภทใดไม่ใช่หนใน ิ
٣ ประเภทนั ้น
    ก. หินอัคนี                         ข. หินหนื ด                 ค. หินแปร
ง. หินชัน ้
٢. หินอัคนี ชนิ ดใดเน้ือเป็ นแก้วสีดำำ รอยแตกจะคมเหมือนแก้ว
    ก. หินแกรนิ ต                       ข. หินบะซอลต์               ค. หินออบซิเดียน
ง. หินสคอเรีย
٣. หินอัคนี ชนิ ดใดลอยนำ ้ ำได้
     ก. หินบะซอลต์                    ข. หินออบซิเดียน              ค. หินพัมมิซ
ง. หินแกรนิ ต
٤. หินอ่อนเหมำะท่ีจะใช้ทำำโต๊ะทดลองในห้องวิทยำศำสตร์หรือไม่ เพรำะเหตุใด
    ก. เหมำะ เพรำะแข็งแรง                                           ข. เหมำะ เพรำะ
สวยงำม
    ค. ไม่เหมำะ เพรำะหินอ่อนทำำปฏิกิริยำกับกรดบำงชนิ ด            ง. ไม่เหมำะ เพรำะหนั ก
เกินไป
٥. กระบวนกำรท่ีสำำคัญในกำรเกิดหินตะกอนได้แก่ข้อใด
    ก. กำรกร่อนและกำรผุพัง                                          ข. กำรผุพังและกำร
พัดพำ
    ค. กำรตกตะกอนและกำรแข็งตัว                                      ง. ข้อ ก,ข และ ค ถูก
ต้อง
٦. ข้อใดไม่เก่ียวข้องกับกำรเกิดหินตะกอน
     ก. นำ ้ ำและลม                                                  ข. วัตถุประสำน
     ค. ควำมร้อนและควำมดัน                                          ง. กำรตกตะกอน
ทับถมของตะกอน
٧. เม่ ือนำ ำกรวด หิน ดินและทรำย มำคลุกเคล้ำกันแล้วเทใสลงในท่อพลำสติกใสท่ีบรรจุนำ้ำไว้
ผลจะเป็ นอย่ำงไร
    ก. ตะกอนของหินจะอยู่ด้ำนบนสุด
19

    ข. ตะกอนของดินจะตกทับถมอยู่ด้ำนล่ำงสุด
    ค. กรวด หิน ทรำย จะตกตะกอนแต่ดินไม่ตกตะกอน
    ง. ตะกอนจะเรียงลำำดับจำกล่ำงขึ้นบน คือ หิน กรวด ทรำย ดิน
٨. เพรำะเหตุใดตะกอนต่ำง ๆ เม่ ือทับถมกันนำน ๆ เข้ำจะจับติดกันเป็ นก้อน
    ก. ควำมกดดันทำำให้เกิดกำรอัดตัว                             ข. อุณหภูมิเกิดกำร
หลอมละลำย
    ค. มีสำรเป็ นตัวเช่ ือมประสำนให้ตะกอนจับตัว               ง. ถูกทุกข้อ
٩. ซำกดึกดำำบรรพ์พบมำกท่ีสุดในหินชนิ ดใด
    ก. หินอัคนี                     ข. หินแปร                    ค. หินตะกอน
ง. หินภูเขำไฟ
١٠. หินชนิ ดใดท่ีเกิดขึ้นโดยไม่มีวัตถุเช่ ือมประสำน
    ก. หินทรำย                      ข. ศิลำแลง                    ค. หินบะซอลต์
ง. หินกรวดมน
١١. หินตะกอนท่ีเกิดจำกกำรตกตะกอนของสำรละลำยแคลเซียมคำร์บอเนตในทะเลได้แก่
หินชนิ ดใด
     ก. หินปูน                      ข. หินอ่อน                    ค. หินชนวน
ง. หินทรำย
١٢. หินอัคนี ท่ีเกิดจำกกำรเย็นตัวและแข็งตัวอย่ำงช้ำ ๆ ของแมกมำ หินจะมีลักษณะอย่ำงไร
    ก. ผลึกละเอียด เน้ือหินแน่ นแข็ง                          ข. ผลึกละเอียด เน้ือหิน
หยำบ
    ค. ผลึกหยำบ เน้ือหินแน่ นแข็ง                             ง. ผลึกหยำบ เน้อหิน
                                                                                ื
หยำบ
١٣. หินอัคนี ท่ีเกิดจำกกำรเย็นตัวและแข็งตัวอย่ำงรวดเร็วของลำวำ หินท่ีได้จะมีลักษณะ
อย่ำงไร
     ก. เป็ นรูพรุน              ข. เน้ือเนี ยนเป็ นแก้ว       ค. หยำบ แน่ นแข็ง
ง. ข้อ ก และ ข ถูก
١٤. หินชนิ ดใดเป็ นต้นกำำเนิ ดอัญมณี
      ก. หินแกรนิ ต              ข. หินชนวน                    ค. หินสคอเรีย
ง. หินบะซอลต์

          ช่ ือ..............................................................................ชัน
                                                                                               ้
                          ม.٢/........................เลขท่ี....................

١٥. แร่ธำตุท่ีเป็ นวัตถุประสำนตะกอนต่ำง ๆ ให้เกิดเป็ นหินตะกอนคืออะไร
       ก. ซิลิกำ                ข. เหล็กออกไซด์               ค. แคลเซียมคำร์บอเนต
ง. ถูกทุกข้อ
١٦. โดยปกติหินตะกอนมักเกิดตำมแม่นำ้ำ ปำกนำ ้ ำ หรือในทะเล แต่มีหนตะกอนอยู่ชนิ ดหน่ ึง
                                                                 ิ
ท่ีเกิดบนบก
        หินตะกอนชนิ ดนี้คืออะไร
        ก. หินปูน               ข. ศิลำแลง                     ค. หินดินดำน
ง. หินทรำย
١٧. หินตะกอนชนิ ดใดเม่ ือเอำมือบิจะแตกออกเป็ นชัน ๆ
                                                  ้
20

       ก. หินดินดำน               ข. หินทรำย                   ค. หินปูน
ง. หินกรวดมน
١٨. หินชนิ ดใดใช้ทำำกำำแพง
       ก. หินกรวด                 ข. หินทรำย                    ค. ศิลำแลง
ง. หินดินดำน
١٩. หินตะกอนในข้อใดท่ีมีเน้ือละเอียดท่ีสุด
      ก. หินกรวดมน                ข. หินทรำย                    ค. หินปูน
ง. หินดินดำน
٢٠. ลักษณะท่ีสำำคัญของหินแปรคือข้อใด
      ก. มีผลึกละเอียดสวยงำม เพรำะมีแสงระยิบระยับ            ข. เน้ือแน่ นหรือมีริว
                                                                                  ้
ขนำน
      ค. นำ ้ ำหนั กเบำ มีรูพรุน                               ง. มีผลึกเป็ นดอกดวง
ขนำดใหญ่สวยงำม
٢١. หินในข้อใดเหมำะท่ีจะนำ ำมำมุงหลังคำ
      ก. หินชีสต์                 ข. หินไนส์                   ค. หินชนวน
ง. หินควอร์ตซ์ไซต์
٢٢. ถ้ำต้องกำรนำ ำหินมำประดับอำคำรบ้ำนเรือน ควรใช้หินชนิ ดใด
       ก. หินชีสต์                ข. หินอ่อน                   ค. หินฟิ ลไลต์
ง. ถูกทุกข้อ
٢٣. ลักษณะของหินชันหรือหินตะกอนนอกจำกมีซำกดึกดำำบรรพ์อยู่ภำยในหินนั ้นแล้ว
                         ้
ลักษณะเฉพำะของหินชันท่ี      ้
       ต่ำงไปจำกหินชนิ ดอ่ ืนอย่ำงชัดเจน คือข้อใด
       ก. มีสีสวยงำมแวววำว                                     ข. มีกำรเรียงตัวเป็ นชัน
                                                                                      ้
ๆ ของอนุภำค
       ค. ผลึกท่ีอยู่ภำยในหินมีดอกดวงใหญ่โต                  ง. ไม่มีลักษณะเฉพำะ
อย่ำงอ่ ืน
٢٤. หินตะกอนจะพบได้บริเวณใดของประเทศไทย
      ก. ภูเขำสูง                                               ข. ชำยทะเล
      ค. ริมฝั่ งนำ ้ ำ                                         ง. ทัวๆ ไปทุกลักษณะ
                                                                      ่
ภูมิประเทศ
٢٥. หินชนิ ดใดเป็ นต้นกำำเนิ ดแร่ดีบุก
      ก. หินแกรนิ ต                 ข. หินทรำย                  ค. หินปูน
ง. หินดินดำน
٢٦. หินชนิ ดใดนำ ำมำใช้ในอุตสำหกรรมปูนซีเมนต์และเซรำมิก
     ก. หินทรำย                      ข. หินโคลน                 ค. หินดินดำน
ง. ข้อ ข และ ค ถูก
٢٧.หินในข้อใดนำ ำมำใช้ในอุตสำหกรรมฟอกหนั งและนำ ้ ำตำล
     ก. หินทรำย                      ข หินปูน                   ค. หินกรวดมน
ง. หินกรวดเหล่ียม
٢٨. หินประเภทใดท่ีเป็ นประโยชน์ในกำรศึกษำโบรำณคดี
      ก. หินแปร                      ข. หินอัคนี                 ค. หินตะกอน
ง. หินภูเขำไฟ
٢٩. แหล่งท่องเท่ียวท่ีมช่ือเสียงของประเทศไทยท่ีเป็ นหินตะกอนได้แก่ข้อใด
                           ี
21

    ก. ภูกระดึง                 ข. สุสำนหอย                   ค. ป่ ำหินงำมผำแต้ม
ง. ถูกทุกข้อ

٣٠. หินชนิ ดใดนำ ำไปใช้ประดับอำคำร
     ก. หินออบซิเดียน              ข. หินสคอเรีย               ค. หินบะซอลต์
ง. หินแกรนิ ต
٣١. เหตุใดจึงใช้หินออบซีเดียนทำำอำวุธโบรำณ
     ก. นำ ้ ำหนั กเบำ                                          ข. มีผลึกแหลม
     ค. บริเวณท่ีแตกมีควำมคม                                   ง. แข็งแรงทนต่อกำร
กัดกร่อนได้ดี
٣٢. หินอัคนี ส่วนมำกจะพบในบริเวณใดของประเทศไทย
     ก. หำดทรำยชำยทะเล            ข. บริเวณท่ีเป็ นเขำ        ค. บริเวณแอ่งนำ ้ ำ
ง. ท่ีรำบลุ่มภำคกลำง
٣٣. หินท่ีเกิดจำกกำรระเบิดของภูเขำไฟ ลักษณะของผลึกจะเป็ นอย่ำงไร
     ก. ผลึกขนำดใหญ่กระจำยอยู่ในเน้ือหิน                      ข. ผลึกขนำดใหญ่อยู่
บำงบริเวณของหิน
     ค. ผลึกขนำดเล็กสลับกับผลึกขนำดใหญ่                       ง. ไม่มีผลึก
٣٤.หินชนิ ดใดไม่ใช่หนอัคนี
                       ิ
    ก. หินแกรนิ ต                 ข. หินไนส์                    ค. หินบะซอลต์
ง. หินสคอเรีย
٣٥. ซำกดึกดำำบรรพ์หรือฟอสซิลมักพบได้ในหินชนิ ดใด
     ก. หินอัคนี                   ข. หินแปร                    ค. หินตะกอน
ง. พบได้ในทุกข้อ
٣٦. หินชนิ ดใดสำมำรถนำ ำไปทำำหินลับมีดหรือแกะสลัก
     ก. หินปูน                     ข. ศิลำแลง                    ค. หินกรวดมน
ง. หินทรำย
٣٧. หินชนิ ดใดเม่ ือถูกกรดแล้วเกิดฟองแก๊ส
     ก. หินปูน                     ข. หินกรวด                    ค. ศิลำแลง
ง. หินทรำย
٣٨. หินแปรเกิดจำกข้อใด
     ก. หินอัคนี และหินตะกอนเปล่ียนแปลงไปโดยผลจำกควำมร้อนและควำมกดดัน
     ข. เฉเพำะหินอัคนี เปล่ียนแปลงไปโดยผลจำกควำมร้อนและควำมกดดัน
     ค. เฉพำะหินตะกอนเปล่ียนแปลงไปโดยผลจำกควำมร้อนและควำมกดดัน
     ง. หินอัคนี เปล่ียนแปลงไปโดยผลจำกควำมร้อน
٣٩. หินแปรชนิ ดใดมีควำมแข็งและทนทำนมำก
     ก. หินชนวน                   ข. หินควอร์ตไซต์           ค. หินไนส์
ง. หินอ่อน
٤٠. ข้อใดเป็ นกำรนำ ำหินมำใช้ประโยชน์ไม่ถกต้อง
                                         ู
      ก. หินบะซอลต์ทำำถนน                                    ข. หินไนส์นำำมำทำำหิน
ลับมีด
      ค. หินแกรนิ ตนำ ำมำประดับอำคำร                        ง. หินปูนและหินค
วอร์ตไซต์ใช้ทำำหินก่อสร้ำง
٤١. แหล่งแร่มักพบในบริเวณพ้ืนท่ีลักษณะใด
22

       ก. ภูเขำ                            ข. ทะเล                                   ค. ท่ีรำบลุ่ม
ง. ทะเลสำบ
٤٢. ข้อใดไม่ใช่ลกษณะท่ีสำำคัญท่ีใช้ในกำรตรวจสอบแร่
                    ั
       ก. ควำมแข็ง                        ข. ควำมวำว                                ค. ควำมสวยงำม
ง. ควำมละเอียดของสีผง
٤٣. จำกกำรตรวจสอบควำมแข็งของแร่ อยำกทรำบว่ำแร่ในข้อใดแข็งท่ีสุด
      ก. แร่ท่ีใช้มีดขูดเป็ นรอยได้                                              ข. แร่ท่ีใช้เล็บมือขูดเป็ น
รอยได้
      ค. แร่ท่ีขูดแผ่นยิปซัมเป็ นรอยได้
                               ่                                                 ง. แร่ท่ีขูดแผ่นกระจก
เป็ นรอยได้
٤٤. ข้อใดหมำยถึงสินแร่
       ก. แร่ท่ีมีธำตุทำงเศรษฐกิจปนอยู่                                           ข. แร่ท่ีสำมำรถนำ ำมำ
ถลุงแล้วมีมูลค่ำทำงเศรษฐกิจ
       ค. แร่ท่ีมีโลหะเป็ นองค์ประกอบ และถลุงออกมำใช้ได้                      ง. ถูกทุกข้อ
            ช่ ือ..............................................................................ชัน
                                                                                                 ้
                            ม.٢/........................เลขท่ี....................

٤٥. แร่ชนิ ดใดไม่ต้องนำ ำไปถลุง สำมำรถนำ ำไปใช้ประโยชน์ได้เลย
      ก. กำลีนำ                   ข. รัตนชำติ                     ค. ฮีมำไทต์
ง. แคสซิเทอไรต์
٤٦. แร่ยิปซัมใช้ประโยชน์อะไรได้บ้ำง
     ก. ส่วนผสมของปูนซิเมนต์                                    ข. ปูนปลำสเตอร์
     ค. ทำำแผ่นยิบซัมบอร์ด                                      ง. ถูกทุกข้อ
٤٧. ข้อใดจัดเป็ นแร่โลหะทังหมด
                           ้
     ก. กำำมะถัน ดีบก ทองคำำ
                      ุ                                          ข. ไมกำ กำำมะถัน ดีบุก
     ค. เหล็ก ยิปซัม ดีบุก                                       ง. เหล็ก ดีบุก ทองคำำ
٤٨. ข้อใดจัดเป็ นแร่อโลหะทังหมด
                             ้
     ก. เหล็ก กำำมะถัน ใยหิน                                     ข. เหล็ก สังกะสี ตะกัว
                                                                                      ่
     ค. ฮีมำไทต์ แบไรต์ เหล็ก                                    ง. ใยหิน ดินขำว
เกลือหิน
٤٩. ข้อใดไม่ใช่แร่รัตนชำติ
      ก. ทับทิม                    ก. มรกต                    ค. เพชร
ง. ทองคำำ
50. แร่ชนิ ดใดมีควำมแข็งมำกท่ีสุด
     ก. เพชร                      ข. ควอร์ตซ์                 ค. ยิปซัม
                                                                      ่
ง. แคลไซต์
٥١. แร่ชนิ ดใดถือว่ำเป็ นผลพลอยได้จำกกำรทำำเหมืองแร่ดีบกุ
    ก. พลอย                       ข. ทังสเตน                   ค. แทนทำลัม
ง. อะพำไทต์
٥٢. ทอง ١٨ K มีส่วนผสมของเน้ือทองอย่ำงไร
      ก. มีเน้ือทองอยู่ ٧٥ %                                            ข. มีเน้อทอง
                                                                                ื
หนั ก ٠.٣٦ กิโลกรัม
แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52
แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52
แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52
แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52
แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52
แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52
แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52
แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52
แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52

More Related Content

What's hot

ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2Sukanya Nak-on
 
บทที่ 1 การจำแนกสาร
บทที่ 1 การจำแนกสารบทที่ 1 การจำแนกสาร
บทที่ 1 การจำแนกสารPinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 1 โครงสร้างของโลก
บทที่ 1 โครงสร้างของโลกบทที่ 1 โครงสร้างของโลก
บทที่ 1 โครงสร้างของโลกTa Lattapol
 
สารละลาย
สารละลายสารละลาย
สารละลายJariya Jaiyot
 
ใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลก
ใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลกใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลก
ใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลกwebsite22556
 
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศแบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศdnavaroj
 
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์Maikeed Tawun
 
ข้อสอบวิทย์ ม.1 ภาค 1 และ ภาค 2
ข้อสอบวิทย์ ม.1 ภาค 1 และ ภาค 2ข้อสอบวิทย์ ม.1 ภาค 1 และ ภาค 2
ข้อสอบวิทย์ ม.1 ภาค 1 และ ภาค 2dnavaroj
 
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1Wuttipong Tubkrathok
 
เอกสารประกอบการสอน พันธุศาสตร์
เอกสารประกอบการสอน พันธุศาสตร์เอกสารประกอบการสอน พันธุศาสตร์
เอกสารประกอบการสอน พันธุศาสตร์Biobiome
 
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะแบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะJariya Jaiyot
 
แผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรม
แผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรมแผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรม
แผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรมWichai Likitponrak
 
เล่มที่ 2 โครงสร้างของราก
เล่มที่ 2 โครงสร้างของรากเล่มที่ 2 โครงสร้างของราก
เล่มที่ 2 โครงสร้างของรากkanyamadcharoen
 
บทที่ 2 ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์ หมุนเวียนเลือด
บทที่  2  ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์   หมุนเวียนเลือดบทที่  2  ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์   หมุนเวียนเลือด
บทที่ 2 ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์ หมุนเวียนเลือดPinutchaya Nakchumroon
 

What's hot (20)

สารละลาย (Solution)
สารละลาย (Solution)สารละลาย (Solution)
สารละลาย (Solution)
 
ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2
 
บทที่ 1 การจำแนกสาร
บทที่ 1 การจำแนกสารบทที่ 1 การจำแนกสาร
บทที่ 1 การจำแนกสาร
 
บทที่ 1 โครงสร้างของโลก
บทที่ 1 โครงสร้างของโลกบทที่ 1 โครงสร้างของโลก
บทที่ 1 โครงสร้างของโลก
 
สารละลาย
สารละลายสารละลาย
สารละลาย
 
ใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลก
ใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลกใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลก
ใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลก
 
แรง (Force)
แรง (Force)แรง (Force)
แรง (Force)
 
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศแบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
 
โลกของเรา (The Earth)
โลกของเรา (The Earth)โลกของเรา (The Earth)
โลกของเรา (The Earth)
 
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
 
ข้อสอบวิทย์ ม.1 ภาค 1 และ ภาค 2
ข้อสอบวิทย์ ม.1 ภาค 1 และ ภาค 2ข้อสอบวิทย์ ม.1 ภาค 1 และ ภาค 2
ข้อสอบวิทย์ ม.1 ภาค 1 และ ภาค 2
 
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
 
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
 
ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
 
เอกสารประกอบการสอน พันธุศาสตร์
เอกสารประกอบการสอน พันธุศาสตร์เอกสารประกอบการสอน พันธุศาสตร์
เอกสารประกอบการสอน พันธุศาสตร์
 
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะแบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
 
แผนBioม.4 1
แผนBioม.4 1แผนBioม.4 1
แผนBioม.4 1
 
แผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรม
แผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรมแผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรม
แผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรม
 
เล่มที่ 2 โครงสร้างของราก
เล่มที่ 2 โครงสร้างของรากเล่มที่ 2 โครงสร้างของราก
เล่มที่ 2 โครงสร้างของราก
 
บทที่ 2 ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์ หมุนเวียนเลือด
บทที่  2  ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์   หมุนเวียนเลือดบทที่  2  ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์   หมุนเวียนเลือด
บทที่ 2 ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์ หมุนเวียนเลือด
 

Similar to แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52

ส 43102สอบ ม.6
ส 43102สอบ ม.6ส 43102สอบ ม.6
ส 43102สอบ ม.6thnaporn999
 
วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3
วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3 วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3
วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3 น้ำ' เพชร
 
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
โลก  ดาราศาสตร์ และอวกาศโลก  ดาราศาสตร์ และอวกาศ
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศพัน พัน
 
ภูมิศาสตร์มอปลาย
ภูมิศาสตร์มอปลายภูมิศาสตร์มอปลาย
ภูมิศาสตร์มอปลายKroo Mngschool
 
ใบงาน วัฎจักรหิน
ใบงาน วัฎจักรหินใบงาน วัฎจักรหิน
ใบงาน วัฎจักรหินOrawan Sripho
 
โลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลงโลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลงnasanunwittayakom
 
โลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลงโลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลงkalita123
 
ชุดที่ 1 ส่งเนต
ชุดที่ 1 ส่งเนตชุดที่ 1 ส่งเนต
ชุดที่ 1 ส่งเนตWansara Sawangnepun
 
โลกดาราศาสตร์ เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโลก
โลกดาราศาสตร์ เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโลกโลกดาราศาสตร์ เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโลก
โลกดาราศาสตร์ เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโลกMoukung'z Cazino
 
ภาษาไทย
ภาษาไทย ภาษาไทย
ภาษาไทย tangmo77
 
ภาษาไทย 2013
ภาษาไทย 2013ภาษาไทย 2013
ภาษาไทย 2013Thanapol Sudha
 
ภาษาไทย 2013
ภาษาไทย 2013ภาษาไทย 2013
ภาษาไทย 2013Tanyapa Poomkum
 
Book2013 jan 01_2013_thai
Book2013 jan 01_2013_thaiBook2013 jan 01_2013_thai
Book2013 jan 01_2013_thaiAnan Malawan
 
โครงสร้างโลก
โครงสร้างโลกโครงสร้างโลก
โครงสร้างโลกochestero
 
ข้อสอบรายวิชาช่างหินขัด กลางปี (ครั้งที่ 2)ครูวิเชียร
ข้อสอบรายวิชาช่างหินขัด กลางปี (ครั้งที่ 2)ครูวิเชียรข้อสอบรายวิชาช่างหินขัด กลางปี (ครั้งที่ 2)ครูวิเชียร
ข้อสอบรายวิชาช่างหินขัด กลางปี (ครั้งที่ 2)ครูวิเชียรkrupeak
 

Similar to แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52 (20)

ส 43102สอบ ม.6
ส 43102สอบ ม.6ส 43102สอบ ม.6
ส 43102สอบ ม.6
 
Midterm2 m6 51
Midterm2 m6 51Midterm2 m6 51
Midterm2 m6 51
 
วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3
วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3 วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3
วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3
 
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
โลก  ดาราศาสตร์ และอวกาศโลก  ดาราศาสตร์ และอวกาศ
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
 
ภูมิศาสตร์มอปลาย
ภูมิศาสตร์มอปลายภูมิศาสตร์มอปลาย
ภูมิศาสตร์มอปลาย
 
ใบงาน วัฎจักรหิน
ใบงาน วัฎจักรหินใบงาน วัฎจักรหิน
ใบงาน วัฎจักรหิน
 
222222222222222
222222222222222222222222222222
222222222222222
 
โลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลงโลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลง
 
โลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลงโลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลง
 
ชุดที่ 1 ส่งเนต
ชุดที่ 1 ส่งเนตชุดที่ 1 ส่งเนต
ชุดที่ 1 ส่งเนต
 
แบบฝึกหัด เรื่อง ธรณีภาค
แบบฝึกหัด เรื่อง ธรณีภาคแบบฝึกหัด เรื่อง ธรณีภาค
แบบฝึกหัด เรื่อง ธรณีภาค
 
โลกดาราศาสตร์ เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโลก
โลกดาราศาสตร์ เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโลกโลกดาราศาสตร์ เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโลก
โลกดาราศาสตร์ เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโลก
 
ภาษาไทย 2013
ภาษาไทย 2013ภาษาไทย 2013
ภาษาไทย 2013
 
ภาษาไทย
ภาษาไทย ภาษาไทย
ภาษาไทย
 
ภาษาไทย 2013
ภาษาไทย 2013ภาษาไทย 2013
ภาษาไทย 2013
 
ภาษาไทย 2013
ภาษาไทย 2013ภาษาไทย 2013
ภาษาไทย 2013
 
ภาษาไทย 2013
ภาษาไทย 2013ภาษาไทย 2013
ภาษาไทย 2013
 
Book2013 jan 01_2013_thai
Book2013 jan 01_2013_thaiBook2013 jan 01_2013_thai
Book2013 jan 01_2013_thai
 
โครงสร้างโลก
โครงสร้างโลกโครงสร้างโลก
โครงสร้างโลก
 
ข้อสอบรายวิชาช่างหินขัด กลางปี (ครั้งที่ 2)ครูวิเชียร
ข้อสอบรายวิชาช่างหินขัด กลางปี (ครั้งที่ 2)ครูวิเชียรข้อสอบรายวิชาช่างหินขัด กลางปี (ครั้งที่ 2)ครูวิเชียร
ข้อสอบรายวิชาช่างหินขัด กลางปี (ครั้งที่ 2)ครูวิเชียร
 

แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52

  • 1. แบบฝึ กหัด เร่ ืองโลกของ 1 เรา วัน ท่ี..................................เดือน..................................................พ.ศ. ............................ ช่ ือ.................................................................ชัน ้ ม.٢/........................เลขท่ี...................... ตอนท่ี ١ จงนำ ำตัวอักษรหน้ ำข้อควำมทำงขวำมือมำเติมลงใน ......... หน้ ำข้อควำมทำงซ้ำย มือท่ีมควำมสัมพันธ์กัน ี ……. 1. เส้นผ่ำนศูนย์กลำงของโลกในแนวด่ิง ก. แก่นโลกชันใน ้ ……. ٢. พ้ืนผิวโลกส่วนท่ีเป็ นพ้ืนดิน ข. ١٢,٧٥٥ กิโลเมตร ……. ٣. ส่วนท่ีเป็ นชันนอกสุดของโลก ้ ค. เน้ือโลกหรือแมนเทิล ……. ٤. หินไซมำซ่ึงประกอบด้วยสำรประกอบซิลิกำและแมกนี เซีย ง. เปลือกโลก ……. ٥. ชันของโลกท่ีอยู่ถัดจำกเปลือกโลก หนำประมำณ ٣,٠٠٠ กิโลเมตร ้ จ. แก่นโลก ……. ٦. ชันของโลกท่ีมีสถำนะเป็ นของเหลว ประกอบด้วยธำตุเหล็กและนิ เกิล ้ ฉ. เปลือกโลกส่วนบน ……. ٧. ชันในสุดของโลกท่ีมควำมหนำประมำณ ٣,٤٤٠ กิโลเมตร ้ ี ช. ١٢,٧١١ กิโลเมตร ……. ٨. ชันของโลกท่ีมีควำมหนำแน่ นมำกท่ีสุด ้ ซ. ١ ใน ٤ ของพ้ืนโลก ……. ٩. ชันของโลกท่ีเรียกว่ำเปลือกทวีปและเปลือกมหำสมุทร ้ ฌ. เปลือกโลกส่วนล่ำง ……. ١٠. เส้นผ่ำนศูนย์กลำงของโลกในแนวนอน ญ. แก่นโลกชันนอก ้ .................................................................. ................................... ตอนท่ี ٢ จงตอบคำำถำมให้ถกต้อง ู 1. โลกของเรำประกอบด้วย ٤ ส่วนใหญ่ๆ คือ ١.١ ธรณี ภำค หมำย ถึง.............................................................................................................. ....................................................... ١.٢ อุทกภำค หมำย ถึง.............................................................................................................. .......................................................
  • 2. 2 ١.٣ บรรยำกำศ หมำย ถึง.............................................................................................................. ................................................... ١.٤ ชีวภำค หมำย ถึง.............................................................................................................. .......................................................... ٢. โลกประกอบด้วยส่วนต่ำงๆ ٣ ชัน คือ ้ ٢.١........................................................................ มีควำมหนำ ประมำณ................................................กิโลเมตร ٢.٢........................................................................ มีควำมหนำ ประมำณ................................................กิโลเมตร ٢.٣......................................................................... มีควำมหนำ ประมำณ................................................กิโลเมตร ٣. เปลือกโลกแบ่งออกเป็ น ٢ ส่วน ดังนี้ ٣.١ เปลือกโลกส่วนบน ส่วนใหญ่เป็ นหินท่ีเรียกว่ำ ......................................หิน ชนิ ดนี้ประกอบด้วยธำตุ........................................ ٣.٢ เปลือกโลกส่วนล่ำง ส่วนใหญ่เป็ นหินท่ีเรียกว่ำ......................................หิน ชนิ ดนี้ประกอบด้วยธำตุ........................................ ٤. ชันท่ีอยู่ถัดจำกเปลือกโลกลงไปเรียกว่ำ ้ ชัน............................................................................................................. ้ .......................... ซ่ึงบำงส่วนของชันนี้มีหินเหลวหนื ดท่ีรอนจัดประกอบด้วย ้ ้ ธำตุ....................................................................................................... ٥. แก่นโลกชันนอกประกอบด้วยของเหลวร้อน ประกอบด้วย ้ ธำตุ....................................................................................................... ٦. แก่นโลกชันในเป็ นชันของแข็ง ประกอบด้วย ้ ้ ธำตุ............................................................................................................ ................ ٧. ชันใดของโลกมีควำมหนำแน่ นมำก ้ ท่ีสุด........................................................................................................... ............................... ٨. ชันใดของโลกมีควำมหนำน้ อย ้ ท่ีสุด........................................................................................................... ....................................... ٩. หินหนื ดและร้อนจัดพบในส่วนประกอบชันใดของ ้ โลก............................................................................................................ ....... ١٠. ปรำกฏกำรณ์ท่ีแสดงว่ำภำยในโลกมีควำมร้อนอยู่มำก ได้แก่.......................................................................................................... ตอนท่ี ٣ จงทำำเคร่ ืองหมำย X บนข้อท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว ١. ข้อใดกล่ำวถูกต้อง ก. แมนเทิลเป็ นชันท่ีมีควำมหนำมำกท่ีสุด ้
  • 3. 3 ข. หินไซอัลจัดเป็ นหินแกรนิ ตท่ีพบมำกท่ีสุดในแก่นโลก ค. หินไซมำเป็ นหินบะซอลต์ท่ีพบในชันเปลือกโลกส่วนล่ำง ้ ง. แก่นโลกชันนอกเป็ นชันของแข็งประกอบด้วยธำตุเหล็กและนิ เกิล ้ ้ ٢. หินหนื ดท่ีพุ่งออกมำขณะเกิดภูเขำไฟระเบิดมำจำกชันใดของโลก และเม่ ือเย็นตัวลงจะ ้ กลำยเป็ นหินชนิ ดใด ก. ชันแมนเทิล หินอัคนี ้ ข. ชันแมนเทิล ้ หินตะกอน ค. ชันเปลือกโลก หินอัคนี ้ ง. ชันแก่นโลก หินปูน ้ ٣. หินไซอัลเป็ นหินแกรนิ ตพบท่ีส่วนใดของโลก ก. แก่นโลก ข. แมนเทิล ค. เปลือกโลกส่วนบน ง. เปลือกโลกส่วนล่ำง ٤. ระบบต่ำงๆ ของโลกระบบใดเป็ นส่วนท่ีเก่ียวกับส่ิงมีชีวิต ก. ธรณี ภำค ข. อุทกภำค ค. บรรยำกำศ ง. ชีวภำค ٥. ข้อใดเรียงลำำดับควำมหนำของชันต่ำงๆ ของโลกจำกมำกไปน้ อยได้ถูกต้อง ้ ก. แก่นโลก ---> แมนเทิล ---> เปลือกโลก ข. เปลือกโลก ---> แมนเทิล ---> แก่นโลก ค. แก่นโลก ---> เปลือกโลก ---> แมนเทิล ง. เปลือกโลก ---> แก่นโลก ---> แมนเทิล ٦. พิจำรณำข้อมูลต่อไปนี้ ١. ชันแมนเทิลมีลักษณะเป็ นหินเหลวหนื ดร้อนจัด ้ ٢. แก่นโลกชันนอกประกอบด้วยของเหลวร้อนท่ีได้ทำำให้เกิดสนำมแม่เหล็กขึ้น ้ ٣. แก่นโลกชันในเป็ นชันของแข็ง ้ ้ ก. ข้อ ١ ข. ข้อ ٢ และ ٣ ค. ข้อ ١ และ ٣ ง. ข้อ ٢, ١ และ ٣ 7. หินแกรนิ ตท่ีพบอยู่ในชันเปลือกโลกส่วนบนมีธำตุใดเป็ นองค์ประกอบท่ีสำำคัญ ้ ก. เหล็กและนิ เกิล ข. ซิลิกอนและอลูมิ เนี ยม ค. ซิลิกอนและแมกนี เซียม ง. นิ เกิลและแมกนี เซียม ٨. ส่วนใดของโลกท่ีประกอบขึ้นมำจำกของแข็ง เช่น ดิน หิน และแร่ธำตุต่ำงๆ ก. ชีวภำค ข. ธรณี ภำค ค. อุทกภำค ง. บรรยำกำศ ٩. หินหลอมละลำยท่ีอยู่ใต้เปลือกโลกเรียกว่ำอะไร ก. ลำวำ ข. แมกมำ ค. อัคนี ง. ตะกอน ١٠. ควำมร้อนในแต่ละชันของโลกมีลักษณะดังข้อใด ้ ก. ย่ิงต้ืนย่ิงร้อน ข. ย่ิงลึกย่ิงร้อน ค. ย่ิงลึกย่ิงเย็น ง. คงท่ีเท่ำกันหมด *************************************************************** แบบฝึ กหัด เร่ องดิน ื
  • 4. 4 วัน ท่ี..................................เดือน..................................................พ.ศ. ............................ ช่ ือ.................................................................ชัน ้ ม.٢/........................เลขท่ี...................... ตอนท่ี ١ จงตอบคำำถำมให้ถกต้อง ู 1. โลกประกอบด้วยพ้ืนดินเท่ำไร......................................% ٢. ดินเกิดขึ้นได้อย่ำงไร ................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................ ............................................................................................... ٣. ดินประกอบด้วยอะไร บ้ำง............................................................................................................ ...................................................... 4. ฮิวมัสเกิดจำก อะไร........................................................................................................... .................................................................. ٥. ดินท่ีมีฮิวมัสมำกจะมีลักษณะ อย่ำงไร........................................................................................................ ........................................ ٦. ทำำไมดินร่วนจึงมีควำมเหมำะสมแก่กำรปลูก พืช............................................................................................................. ................. ٧. ถ้ำแบ่งดินออกตำมประเภทของควำมลึกสำมำรถแบ่งได้ ٤ ชัน ได้แก่ ้ ٧.١ ชัน............................................................................................................. ้ ............................................................................... .................................................................................................... ............................................................................................. ٧.٢ ชัน............................................................................................................. ้ ................................................................................. ٧.٣ ชัน............................................................................................................. ้ ................................................................................ .................................................................................................... .............................................................................................
  • 5. 5 ٧.٤ ชัน............................................................................................................. ้ ................................................................................. ٨. ดินท่ีมีควำมพรุนสูง ควรมีลักษณะ อย่ำงไร........................................................................................................ ........................... ٩. ดินเปรียวหมำย ้ ถึง.............................................................................................................. ................................................................ 10. ดินเป็ นกรดมีค่ำ pH เท่ำไร.......................................................................................................... ..................................................... ١١. กำรปรับปรุงแก้ไขควำมเป็ นกรดของดินทำำได้ โดย............................................................................................................ ............. ١٢. ดินเค็มหมำย ถึง.............................................................................................................. .................................................................. ١٣. กำรปรับปรุงแก้ไขดินเค็มทำำได้ โดย............................................................................................................ ...................................... ............................................................................................................ .............................................................................................. ١٤. ดินท่ีขำดควำมอุดมสมบูรณ์มีลักษณะเป็ น อย่ำงไร........................................................................................................ ................... ١٥. กำรแก้สภำพดินท่ีขำดควำมอุดมสมบูรณ์ทำำได้ อย่ำงไร........................................................................................................ ........... ١٦. เพรำะเหตุใดในกำรปลูกพืชจึงต้องมีกำรพรวนดินอยู่ เสมอ.......................................................................................................... .. ١٧. ดินฝำดหมำย ถึง.............................................................................................................. ................................................................. ١٨. ดินเป็ นเบสแก้ไข อย่ำงไร........................................................................................................ ....................................................... 19. ดินเป็ นเบส มีค่ำ pH เท่ำไร.......................................................................................................... ...................................................
  • 6. 6 ٢٠. ดินมำร์ลเกิดจำกกำรสลำยตัวของหินชนิ ด ใด.............................................................................................................. .................. ٢١. กำรเติมปุ ุยอินทรีย์มีผลต่อดิน อย่ำงไร........................................................................................................ ................................... ٢٢. กำรชะล้ำงพังทลำยของดินเกิดจำกสำเหตุใด ٢٢.٢.............................................................................................٢٢.١................. .......................................................................... ٢٣. วิธีป้องกันกำรชะล้ำงพังทลำยของดินทำำได้อย่ำงไรบ้ำง ٢٣.١.................................................................................................... .......................................................................................... ٢٣.٢.................................................................................................... .......................................................................................... ٢٣.٣.................................................................................................... .......................................................................................... ٢٣.٤.................................................................................................... .......................................................................................... ٢٤. เพรำะเหตุใดกำรปลูกพืชชนิ ดเดียวกันซำำซำกจึงทำำให้ได้ผลผลิตลดลงทุกปี แก้ไขได้หรือ ้ ไม่อย่ำงไร........................................ .......................................................................................................... ............................................................................................ ตอนท่ี ٢ จงทำำเคร่ ืองหมำย X บนข้อท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว ١. ดินเป็ นวัตถุท่ีเกิดขึ้นตำมธรรมชำติ เกิดจำกกำรสลำยตัวของอะไร ก. หิน ข. แร่ ค. กำรสลำยตัวของอินทรียสำร ง. ทัง ก ,ข และ ค ้ ٢. ฮิวมัส ซ่ึงเป็ นอำหำรของพืชเกิดจำกอะไร ก. กำรเน่ ำเป่ ือยของซำกพืช มีสเขียว ี ข. กำรเน่ ำเป่ ือยของซำกสัตว์ มีสี นำ ้ ำตำล ค. กำรเน่ ำเป่ ือยของซำกพืชซำกสัตว์ มีสีเขียว ง. กำรเน่ ำเป่ ือยของซำกพืชซำก สัตว์ มีสีดำำ ٣. ข้อควำมใดถูก ก. ดินชันบนมักมีสำรอนิ นทรีย์สะสมอยู่ท่ีผิวดินมำกทำำให้ดินมีสีคลำำ ้ ้ ข. ดินชันบนมักมีสำรอินทรีย์สะสมอย่ท่ีผิวดินมำกทำำให้ดินมีสีคลำำ ้ ู ้ ค. ดินชันล่ำงมักมีสำรอนิ นทรีย์สะสมอยู่มำกทำำให้ดินชันล่ำงมีสีคลำำ ้ ้ ้ ง. ดินชันล่ำงมักมีสำรอินทรีย์สะสมอยู่มำกทำำให้ดินชันล่ำงมีสีคลำำ ้ ้ ้ ٤. วัตถุตนกำำเนิ ดดินจะอยู่บริเวณใด ้ ก. ผิวหน้ ำดิน ข. ดินชันบน ้ ค. ใต้ดินชันล่ำง ้ ง. ดินชันใดก็ได้ ้ ٥. ดินแต่ละแห่งจะมีลักษณะของดินแตกต่ำงกันขึ้นอยู่กับปั จจัยในข้อใด ก. เวลำท่ีเกิดดิน ข. ลักษณะภูมิประเทศ
  • 7. 7 ค. ลักษณะธรณี สัณฐำน ง. ถูกทุกข้อ ٦. จำกแผนภูมินี้ หมำยเลข ١ และหมำยเลข ٢ ควรเป็ นอะไร ตำมลำำดับ หินและแร่ สำรอินทรีย์ หมำยเล ฮิวมัส ข١ หมำยเล ข٢ ก. ดินและวัตถุต้นกำำเนิ ดดิน ข. วัตถุตนกำำเนิ ดดินและ ้ ดิน ค. ดินและซำกพืชซำกสัตว์ ง. ซำกพืช ซำกสัตว์ และดิน ช่ ือ.................................................................ชัน ม.٢/........................เลข ้ ท่ี...................... ٧. กระบวนกำรสร้ำงดินไม่เก่ียวข้องกับส่ิงใด ก. ฮิวมัส ข. สำรอินทรีย์ ค. หินและแร่ ง. พลังงำนแสง ٨. เม็ดดินต่ำงชนิ ดกัน ย่อมมีขนำดเส้นผ่ำนศูนย์กลำงต่ำงกัน เรียงลำำดับขนำดเม็ดดินจำก เม็ดขนำดใหญ่เรียงไปจน เม็ดขนำดเล็กได้ดังนี้ ก. ดินทรำย ดินร่วน ดินเหนี ยว ข. ดินทรำย ดินเหนี ยว ดินร่วน ค. ดินร่วน ดินทรำย ดินเหนี ยว ง. ดินเหนี ยว ดินทรำย ดินร่วน ٩. กำรปลูกต้นไม้จำำเป็ นต้องพรวนดิน ต้นไม้จึงจะเจริญงอกงำมเพรำะเหตุใด ก. ทำำให้ดินพรุน อำกำศผ่ำนไปยังรำกได้ เซลล์รำกสำมำรถใช้หำยใจได้ ข. ทำำให้ดินไม่รวมตัวกันอัดแน่ น ทำำให้รำกสำมำรถแตกแขนงได้มำกขึ้น ค. ทำำให้นำ้ำซึมผ่ำนลงไปถึงรำกได้ง่ำยขึ้น ง. ทำำให้เกิดกำรระบำยควำมร้อนจำกดินได้ดีขึ้น ١٠. นำ ้ ำไหลผ่ำนดินชันล่ำงกับดินชันบนในอัตรำเร็วดังนี้ ้ ้ ก. ไหลผ่ำนดินชันบนได้ช้ำกว่ำ เน่ องจำกดินชันบนพรุนมำกกว่ำ ้ ื ้ ข. ไหลผ่ำนดินชันล่ำงได้เร็วกว่ำ เน่ องจำกดินชันล่ำงพรุนมำกกว่ำ ้ ื ้ ค. ไหลผ่ำนดินชันล่ำงได้ช้ำกว่ำ เน่ องจำกดินชันล่ำงแน่ นมำกกว่ำ ้ ื ้ ง. ไหลผ่ำนดินชันบนได้เร็วกว่ำ เน่ องจำกดินชันบนแน่ นมำกกว่ำ ้ ื ้ ١١. ธำตุหลำย ๆ ชนิ ดท่ีพืชใช้ในกำรเจริญเติบโตได้มำจำกแหล่งใดมำกท่ีสุด ก. ดิน ข. หิน ค. อำกำศ ง. นำ ้ ำ ١٢. โดยธรรมชำติดินมีส่วนประกอบในข้อใดมำกท่ีสุด
  • 8. 8 ก. นำ ้ ำ ข. แก๊ส ค. อินทรียวัตถุ ง. สำรอนิ นทรีย์ ١٣. ส่วนประกอบของดินท่ีมีผลต่อควำมพรุนของดิน คือข้อใด ก. นำ ้ ำ ข. แก๊ส ค. อินทรียวัตถุ ง. สำรอนิ นทรีย์ ١٤. กำรสลำยตัวของสำรในข้อใดทำำให้ดินมีฮิวมัส ก. หินและแร่ ข. ทรำย ค. ซำกพืชและซำกสัตว์ ง. ข้อ ก และ ข้อ ข ถูก ١٥. ดินท่ีมีฮิวมัสมำกจะมีลักษณะอย่ำงไร ก. มีสีดำำ มีนำ้ำหนั กมำก ข. นำ ้ ำหนั กเบำ ซับนำ ้ ำได้ดี ค. นำ ้ ำหนั กมำก ซับนำ ้ ำได้น้อย ง. มีสีดำำเข้ม เม็ดดินขนำดเล็ก ซับนำ ้ ำได้ดี ١٦. ดินชันใดมีอินทรียวัตถุมำก ้ ก. ชันผิวดิน ้ ข. ชันดินแร่ ้ ค. ชันสะสมของแร่ ้ ง. ชันดินดำน ้ ١٧. ดินชันใดร่วนซุยกว่ำกัน ้ ก. ดินชันบนมีเม็ดดินขนำดโตกว่ำดินชันล่ำง ดินชันบนจึงร่วนซุยกว่ำ ้ ้ ้ ข. ดินชันล่ำงมีเม็ดดินขนำดโตกว่ำดินชันบน ดินชันล่ำงจึงร่วนซุยกว่ำ ้ ้ ้ ค. ดินชันบนมีเม็ดดินขนำดเล็กกว่ำดินชันล่ำง ดินชันบนจึงร่วนซุยกว่ำ ้ ้ ้ ง. ดินชันล่ำงมีขนำดเม็ดดินเท่ำกับดินชันบน แต่ดินชันล่ำงมีดินชันบนทับอยู่จึงทำำให้ ้ ้ ้ ้ ดินชันล่ำงร่วนซุยกว่ำ ้ ١٨. ค่ำ pH เท่ำใดจึงมีสภำพเป็ นกลำง ก. pH ١٤ ข. pH ١٠ ค. pH ٧ ง. pH ٣ ١٩. ในกรณี ท่ทดสอบสภำพดินพบว่ำดินเป็ นกรดมำกเกินไป ควรจะเติมสำรใดผสมลงในดิน ี ก. ปูนขำว ข. ดินมำร์ล ค. กำำมะถัน ง. ก หรือ ข ٢٠. pH ข้อใดมีสภำวะเป็ นกรดมำกท่ีสุด ก. pH ٢ ข. pH ٤ ค. pH ٦ ง. pH ٨ ٢١. พืชชนิ ดใดท่ปลูกแล้วดินจะมีธำตุไนโตรเจนสูงขึ้น ี ก. พืชตระกูลส้ม ข. พืชตระกูลกุหลำบ ค. พืชตระกูลถัว ่ ง. พืชตระกูลบอน ٢٢. ท่ีดินแห่งหน่ ึงมี pH เหมำะสำำหรับปลูกถัวเหลือง มันเทศ มันฝรัง คือ มี pH อย่ระหว่ำง ٥ ่ ่ ู ٦.٥ - ถ้ำต้องกำร เปล่ียนไปปลูกฝ้ ำย ซ่ึงต้องกำรดินท่ีมี pH อยู่ระหว่ำง ٨ - ٦ จะต้องทำำอย่ำงไร ก. เติมกรดอินทรีย์ ข. เติมปุ ุยเคมี ค. เติมปูนขำว ง. ไถพรวนดิน ٢٣. pH มีค่ำเท่ำใดจึงมีสภำวะเป็ นเบสมำกท่ีสุด ก. pH ٢ ข. pH ٤ ค. pH ٦ ง. pH ٨ 24. ระหว่ำงกรวด ทรำย ดินละเอียด วัตถุชนิ ดใดตกตะกอนก่อนและหลังตำมลำำดับ
  • 9. 9 ก. ดินละเอียด ทรำย กรวด ข. ทรำย ดินละเอียด กรวด ค. กรวด ทรำย ดินละเอียด ง. กรวด ดินละเอียด ทรำย ٢٥. ปุ ุยในข้อใดท่ีใช้แล้วไม่ทำำให้ดินเสีย ก. ปุ ยคอก ุ ข. ปุ ยหมัก ุ ค. ปุ ุยวิทยำศำสตร์ ง. ข้อ ก และ ข้อ ข ถูก 26. ในดินท่ีมีกำรเน่ ำเป่ ือยผุพังของซำกพืชซำกสัตว์ ควำมเป็ นกรด เบสของดินบริเวณนั ้น ควรเป็ นอย่ำงไร ก. เป็ นเบส ข. เป็ นกลำง ค. เป็ นกรด ง. เป็ นเบสมำกกว่ำเป็ นก ลำง ٢٧. เหตุท่ีดินเหนี ยวตำมแหล่งต่ำง ๆ มีสีไม่เหมือนกัน เช่น ดินเหนี ยวท่ีรำชบุรีสีแดง แต่ดิน เหนี ยวท่ีนนทบุรีสีดำำ เพรำะเหตุใด ก. อุณหภูมิท่ทำำให้เกิดดินเหนี ยวแตกต่ำงกัน ี ข. แร่ธำตุต่ำง ๆ ท่ีผสมอยู่แตกต่ำงกัน ค. เม็ดอนุภำคของดินเหนี ยวแตกต่ำงกัน ง. ผลึกของแร่ธำตุชนิ ดเดียวกันมีขนำดต่ำงกัน สีดินจึงแตกต่ำงกัน 28. ดินเค็มหมำยถึงอะไร ก. ดินท่ีมีรสเค็ม ข. ดินท่ีมควำมเป็ นเบส ี ค. ดินท่ีมควำมเป็ นกรด ี ง. ดินท่ีมีเกลืออยู่มำก ٢٩. กำรแก้ปัญหำดินเค็มควรใส่สำรใดลงไปในดิน ก. กำำมะถันผง ข. แคลเซียมซัลเฟต ค. แคลเซียมไฮดรอกไซด์ ง. ข้อ ก และ ข ถูก ٣٠. ข้อใดเหมำะสมท่ีสุดสำำหรับกำรปลูกพืชบนท่ีลำดชันมำก ๆ ก. ปลูกตำมแนวขวำงของพ้ืนท่ี ข. ปลูกต้นไม้ยืนต้นสลับ ตำมแนวขวำง ค. ปลูกพืชตำมแนวขวำงและยำวสลับกัน ง. ข้อ ก และ ข ถูก ช่ ือ.................................................................ชัน ม.٢/........................เลข ้ ท่ี...................... ใช้ข้อมูลในตำรำงตอบคำำถำมข้อ ٣١ จำตำรำงค่ำ pH ของดินท่ีเหมำะสมกับพืชบำงชนิ ดต่อไปนี้ จงพิจำรณำว่ำข้อสรุปใดถูกต้อง เลขท่ี ชนิ ดของพืช ค่า pH ท่ี เลข ชนิ ดของพืช ค่า pH ท่ี เหมาะ ท่ี เหมาะ 1 ข้ำว ٦.٠-٥.٥ ٨ มันเทศ ٧.٠-٥.٠ 2 กล้วยไม้ ٧.٠-٦.٨ 9 ฝ้ ำย ٦.٠-8.0 3 กะหลำ่ำดอก ٧.٠-٦.٠ 10 ถัวลิสง ่ ٧.٥-٦.٠ 4 แตงไทย หอม ٧.٠-٥.٧ 11 อ้อย ٨.٠-٦.٠ 5 กะหลำ่ำปลี คะน้ ำ ٧.٠-٥.٧ 12 มะม่วง ٨.٠-٦.٥ 6 มะเขือเทศ ٧.٠-٥.٥ 13 กล้วย ٧.٥-٦.٠ 7 ยำสูบ ٥.٧-٥.٤ 14 สับปะรด ٥.0-6.0 จำกตำรำงสรุปได้ว่ำ
  • 10. 10 ١. ดินชนิ ดท่ีปลูกข้ำวได้ ย่อมเหมำะท่ีจะปลูกพืชพวกยำสูบ สับปะรด แตงไทยได้ ٢. พืชบำงชนิ ด เช่น ฝ้ ำย อ้อย มะม่วง สำมำรถปลูกได้ในดินท่ีเป็ นทังกรดหรือเบส ้ ٣. พืชท่ีปลูกไม่ได้ในดินท่ีเป็ นกรด ได้แก่ กะหลำ่ำปลี มะเขือเทศ มันเทศ ٣١. ข้อสรุปท่ีถูกต้องได้แก่ข้อใด ก. ٢, ١ และ ٣ ข. ١ และ ٢ ค. ٢ และ ٣ ง. ١ และ ٣ ٣٢. หินมำร์ลมีสำรใดเป็ นองค์ประกอบ ก. แคลเซียมออกไซด์ ข. แคลเซียมไฮดรอกไซด์ ค. แคลเซียมคำร์บอเนต ง. ถูกทุกข้อ ٣٣. เม่ ือนำ ำดินจำกผิวดินบริเวณหน่ ึงไปละลำยนำ ้ ำ แล้วทดสอบด้วยกระดำษลิตมัส ปรำกฏว่ำ สำรละลำยท่ีได้สำมำรถ เปล่ียนสีกระดำษลิตมัสจำกสีนำ้ำเงินเป็ นสีแดง ถ้ำเรำต้องปรับสภำพของดินให้เป็ นกลำง จะต้องเติมสำรใดลงไป ก. กำำมะถันผง ข. ฮิวมัส ค. ปูนขำว ง. ข้อ ก และ ข ถูก ٣٤. ข้อควำมในข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง ก. โครงกำรอีสำนเขียวเป็ นโครงกำรช่วยปลูกต้นไม้และอนุรกษ์ดินกับต้นนำ ้ ำลำำธำร ั ข. ต้นข้ำวชอบดินท่ีมีฤทธิเ์ป็ นกรด จึงควรปลูกถัวเป็ นพืชหมุนเวียนเสร็จแล้วจึงมีกำร ่ ไถกลบ ค. พืชท่ีชอบดินท่ีมีฤทธิเ์ป็ นกลำงสำมำรถปลูกได้ทังดินท่ีมีฤทธิเ์ป็ นกรดและดินท่ีมี ้ ฤทธิเ์ป็ นเบส ง. ข้อ ก และ ข ถูก ٣٥. ลักษณะดินทำสงภำคตะวันออกเฉี ยงเหนื อของประเทศไทยเป็ นดินร่วนและดินทรำย ถ้ำจะปรับปรุงพ้ืนท่ีให้ เหมำะสมกับกำรเพำะปลูก ส่ิงแรกท่ีต้องทำำคือข้อใด ก. เติมดินเหนี ยวเพ่ ือให้ดินอุ้มนำ ้ ำได้ดีขึ้น ข. เติมฮิวมัสเพ่ ือให้ดินอุ้มนำ ้ ำได้ดีขึ้น ค. ปรับปรุงระบบชลประทำนให้ดีขึ้น ง. เติมเกลือของธำตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม เพ่ ือให้ดินมีควำมสมบูรณ์ และเหมำะสมมำกขึ้น ٣٦. กำรปลูกพืชหมุนเวียนหมำยถึงข้อใด ก. กำรปลูกพืชชนิ ดเดียวกัน เป็ นกำรปลูกต่อเน่ องหลังจำกเก็บเก่ียวร่นแรกแล้ว เพ่ ือ ื ุ ไม่ให้พ้ืนดินอยู่ว่ำง ข. กำรปลูกพืชต่ำงชนิ ด หลังจำกปลูกพืชชนิ ดแรกเก็บเก่ียวเสร็จแล้วปลูกพืชชนิ ดอ่ ืน ต่อ ค. กำรปลูกพืชต่ำงชนิ ด หลังจำกปลูกพืชชนิ ดแรกเก็บเก่ียวเสร็จแล้วทิงไว้อีก ١ ปี เพ่ ือ ้ ให้ดินปรับตัวตำม ธรรมชำติ แล้วจึงปลูกพืชชนิ ดอ่ ืน ง. กำรปลูกพืชชนิ ดเดียวกัน แต่เว้นให้ดินได้ปรับตัวตำมธรรมชำติแล้ว ١ ปี จึงปลูกต่อ ไป ٣٧. ควำมอุดมสมบูรณ์ของดินลดลงเพรำะเหตุใด
  • 11. 11 ก. กำรไถพวนดิน ข. กำรปลูกพืชตำมแนว ระดับขวำงควำมลำดชัน ค. กำรปลูกพืชคลุมดิน ง. กำรปลูกพืชชนิ ดเดียวซำำ ้ บริเวณเดิมโดยไม่เติมปุ ุย ٣٨. ปุ ุยเคมีชนิ ดใดท่ีทำำให้ดินเป็ นกรดได้ง่ำย ก. แคลเซียมฟอสเฟต ข. แอมโมเนี ยมซัลเฟต ค. แคลเซียมไฮดรอกไซด์ ง. โพแทสเซียมไนเตรต ٣٩. กำรกระทำำในข้อใดท่ทำำให้ดินเสียน้ อยท่ีสุด ี ก. กำรปล่อยนำ ้ ำเสียลงไปในดิน ข. กำรใช้ยำฆ่ำแมลงเพ่ ือ ปรำบศัตรูพืช ค. กำรฝั งซำกพืชซำกสัตว์ลงไปในดิน ง. กำรใช้ปูนขำวแก้ดิน เปรียวเป็ นเวลำนำน ้ ٤٠. ส่ิงใดช่วยลดกำรพังทลำยของดินตำมริมฝั่ งแม่นำ้ำโดยธรรมชำติได้ดีท่ีสุด ก. บ้ำนท่ีปลูกอยู่ริมฝั่ ง ข. หินท่ีอยู่ตำมริมฝั่ ง ค. เรือท่ีจอดน่ิงอยู่ริมฝั่ ง ง. ต้นไม้และหญ้ำท่ีขึ้นอยู่ ริมฝั่ ง **************************************** แบบฝึ กหัดเร่ ืองหิน วัน ท่ี..................................เดือน..................................................พ.ศ. ............................ ช่ ือ..............................................................................ชัน ้ ม.٢/........................เลขท่ี....................
  • 12. 12 ตอนท่ี ١ จงตอบคำำถำมให้ถกต้อง ู หินอัค ١. กำรแบ่งหินตำมลักษณะกำรเกิดแบ่งได้..................ประเภท ได้แก่.................................................................................................. ٢. หินอัคนี เกิดได้ ٢ ลักษณะคือ ٢.١ ...................................................................................................... .............................................................................................. ตัวอย่ำงหินอัคนี ประเภทนี้ ได้แก่.......................................................................................................... ...................................... ٢.٢ ...................................................................................................... ............................................................................................. ตัวอย่ำงหินอัคนี ประเภทนี้ ได้แก่.......................................................................................................... ...................................... ٣. หินอัคนี พุหรือหินภูเขำไฟ หมำยถึง หินอัคนี ท่ีเกิด จำก............................................................................................................ .......... ตัวอย่ำงหินอัคนี พุหรือหินภูเขำไฟ ได้แก่.......................................................................................................... ................................ ٤. ประโยชน์ของหิน แกรนิ ต........................................................................................................ .......................................................... ٥. ประโยชน์ของหินไดออ ไรต์............................................................................................................ ................................................... ٦. ประโยชน์ของหินแกบ โบร............................................................................................................. ................................................... ٧. ประโยชน์ของหินไร โอไลต์......................................................................................................... ..................................................... ٨. ประโยชน์ของหินแอนดี ไซต์............................................................................................................ ................................................. ٩. ประโยชน์ของหินบะ ซอลต์.......................................................................................................... ...................................................... ١٠. ประโยชน์ของหินออบซีเดีย น............................................................................................................... ...........................................
  • 13. 13 ١١. ประโยชน์ของหินพัม มิซ............................................................................................................. ..................................................... ١٢. ประโยชน์ของหินสคอ เรีย............................................................................................................. ................................................... หินตะกอน ١٣. หินตะกอนเกิด จำก............................................................................................................ ............................................................ ١٤. กระบวนกำรสำำคัญในธรรมชำติท่ทำำให้เกิดหินตะกอนี คือ.......................................................................................................... .......................................................................................................... ............................................................................................ ١٥. ตัวเช่ ือมประสำนท่ีทำำให้ตะกอนจับตัวกัน ได้แก่.......................................................................................................... ................. ١٦. หินตะกอนท่ีเกิดจำกกำรย่อยสลำยและแปรสภำพของส่ิงมีชีวิต ได้แก่.......................................................................................... 17. หินตะกอนท่ีเกิดจำกกำรสะสม ทับถมของตะกอนต่ำงๆ พบเห็นได้มำกท่ีสุด ได้แก่..................................................................... ........................................................................................................... ............................................................................................. ١٨. หินตะกอนท่ีเกิดจำกกำรระเหยของนำ ้ ำในสำรละลำย หรือเกิดจำกกำรตกตะกอนสะสม ตัวของสำรละลำยอยู่ในนำ ้ ำ ได้แก่............ .......................................................................................................... .............................................................................................. ١٩. หินตะกอนท่ีเกิดจำกกำรยุบสลำยของหินอัคนี เน้ือหินประกอบด้วยตะกอนเป็ นเม็ดสี นำ ้ ำตำลดำำแดง เน้ือหยำบ ขรุขระ ได้แก่ ...... .......................................................................................................... ............................................................................................ ٢٠. ซำกดึกดำำบรรพ์พบได้ใน หิน............................................................................................................. .............................................. ٢١. ประโยชน์ของหินกรวดมน หินกรวด เหล่ียม........................................................................................................ ............................
  • 14. 14 22. ประโยชน์ของ หินทรำย...................................................................................................... .............................................................. ٢٣. ประโยชน์ของหินทรำย แป้ ง............................................................................................................ ................................................. ٢٤. ประโยชน์ของหินโคลนและ หินดินดำน................................................................................................... ....................................... ٢٥. ประโยชน์ของ หินปูน......................................................................................................... ............................................................ ٢٦. หินปูนมีสำรใดเป็ นองค์ ประกอบ...................................................................................................... ............................................. ٢٧. ประโยชน์ของศิลำ แลง............................................................................................................ ...................................................... หินแป ร 28. หินแปรเกิด จำก............................................................................................................ ................................................................. .......................................................................................................... ............................................................................................ 29. ปั จจัยท่ีทำำให้หินแปรสภำพ ได้แก่.......................................................................................................... ........................................ ٣٠. หินชนวนแปรสภำพมำจำก หิน............................................................................................................. ........................................... ٣١. ประโยชน์ของ หินชนวน..................................................................................................... ............................................................ ٣٢. หินฟิ ลไลต์แปรสภำพมำจำก หิน............................................................................................................. ....................................... 33. ประโยชน์ของหิน ฟิ ลไลต์........................................................................................................ .....................................................
  • 15. 15 ٣٤. หินชิสต์แปรสภำพมำจำก หิน............................................................................................................. ........................................... 35. ประโยชน์ของหินชีส ต์............................................................................................................... .................................................... ٣٦. หินไนส์แปรสภำพมำจำก หิน............................................................................................................. ........................................... 37. ประโยชน์ของหิน ไนส์............................................................................................................ ....................................................... ٣٨. หินควอร์ตไซต์แปรสภำพมำจำก หิน............................................................................................................. ................................. 39. ประโยชน์ของหินควอร์ต ไซต์............................................................................................................ .............................................. ٤٠. หินอ่อนแปรสภำพมำจำก หิน............................................................................................................. ........................................... 41. ประโยชน์ของหิน อ่อน........................................................................................................... ........................................................ ٤٢. หินตะกอน หินอัคนี และหินแปร มีควำมสัมพันธ์กัน อย่ำงไร........................................................................................................ . ........................................................................................................... ............................................................................................. แร่
  • 16. 16 ٤٣. แร่ หมำย ถึง.............................................................................................................. ....................................................................... ........................................................................................................... ............................................................................................. 44. ลักษณะทำงกำยภำพของแร่พิจำรณำจำกส่ิงใด บ้ำง............................................................................................................ .............. ٤٥. แร่ชนิ ดใดท่ีมีควำมแข็งมำกท่ีสุด............................... แร่ชนิ ดใดมีควำมแข็งน้ อย ท่ีสุด................................................................. ٤٦. ควำมหนำแน่ นของแร่ มำย ถึง.............................................................................................................. ........................................... ٤٧. ควำมหนำแน่ นสัมพัทธ์ของแร่ หมำย ถึง.............................................................................................................. ............................ ٤٨. แร่โลหะเกิด จำก............................................................................................................ .................................................................... ٤٩.แร่โลหะท่ีพบในประเทศไทย ได้แก่.......................................................................................................... ...................................... 50. ประโยชน์ของ แร่ดีบุก........................................................................................................ ........................................................... .......................................................................................................... .......................................................................................... 51 ประโยชน์ของแร่ทังสเตน (วุลแฟรม).................................................................................................... ...................................... .......................................................................................................... .......................................................................................... ٥٢. ประโยชน์ของแร่ แทนทำลัม.................................................................................................... ...................................................... .......................................................................................................... .......................................................................................... 53. แร่อโลหะหมำย ถึง.............................................................................................................. ..........................................................
  • 17. 17 54. แร่อโลหะท่ีพบในประเทศไทย ได้แก่.......................................................................................................... ............................... ٥٥. ประโยชน์ของ ใยหิน.......................................................................................................... ........................................................ ٥٦. ประโยชน์ของ ดินขำว........................................................................................................ .......................................................... ٥٧. ประโยชน์ของ เกลือหิน...................................................................................................... ............................................................ ٥٨. ประโยชน์ของ เพชร........................................................................................................... ....................................................... ٥٩. ประโยชน์ของ ยิปซัม......................................................................................................... ......................................................... ٦٠. เช้ือเพลิงท่ีพบในประเทศไทย ได้แก่.......................................................................................................... ................................ ٦١. ถ่ำนหิน เกิด จำก............................................................................................................ .............................................................. .......................................................................................................... ........................................................................................ ٦٢. กำรแบ่งชนิ ดและคุณภำพของถ่ำนหินขึ้นอยู่ กับ............................................................................................................. ............. ٦٣. ในประเทศไทยมีถ่ำนหินหลำยประเภท ได้แก่.......................................................................................................... ..................... ٦٤. ปั จจุบันได้นำำถ่ำนหินมำใช้ใน กำร............................................................................................................ .................................... ٦٥. ถ่ำนหินท่ีมีคุณภำพดี มีปริมำณคำร์บอนสูง ได้แก่.......................................................................................................... ................ ٦٦. ปิ โตรเลียมเกิด จำก............................................................................................................ ..............................................................
  • 18. 18 ........................................................................................................... ........................................................................................... ٦٧. แหล่งปิ โตรเลียมท่ีสำำคัญในประเทศไทย ได้แก่.......................................................................................................... .................... ٦٨. แหล่งแก๊สธรรมชำติบนบกท่ีสำำคัญ ได้แก่.......................................................................................................... ........................... ٦٩. แหล่งแก๊สธรรมชำติในอ่ำวไทยท่ีสำำคัญ ได้แก่.......................................................................................................... ...................... 70. หินนำ ้ ำมันเกิด จำก............................................................................................................ ................................................................ ตอนท่ี ٢ จงทำำเคร่ ืองหมำย X ลงบนข้อท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว ١. นั กธรณี วิทยำแบ่งหินท่ีเป็ นส่วนของเปลือกโลกเป็ น ٣ ประเภท หินประเภทใดไม่ใช่หนใน ิ ٣ ประเภทนั ้น ก. หินอัคนี ข. หินหนื ด ค. หินแปร ง. หินชัน ้ ٢. หินอัคนี ชนิ ดใดเน้ือเป็ นแก้วสีดำำ รอยแตกจะคมเหมือนแก้ว ก. หินแกรนิ ต ข. หินบะซอลต์ ค. หินออบซิเดียน ง. หินสคอเรีย ٣. หินอัคนี ชนิ ดใดลอยนำ ้ ำได้ ก. หินบะซอลต์ ข. หินออบซิเดียน ค. หินพัมมิซ ง. หินแกรนิ ต ٤. หินอ่อนเหมำะท่ีจะใช้ทำำโต๊ะทดลองในห้องวิทยำศำสตร์หรือไม่ เพรำะเหตุใด ก. เหมำะ เพรำะแข็งแรง ข. เหมำะ เพรำะ สวยงำม ค. ไม่เหมำะ เพรำะหินอ่อนทำำปฏิกิริยำกับกรดบำงชนิ ด ง. ไม่เหมำะ เพรำะหนั ก เกินไป ٥. กระบวนกำรท่ีสำำคัญในกำรเกิดหินตะกอนได้แก่ข้อใด ก. กำรกร่อนและกำรผุพัง ข. กำรผุพังและกำร พัดพำ ค. กำรตกตะกอนและกำรแข็งตัว ง. ข้อ ก,ข และ ค ถูก ต้อง ٦. ข้อใดไม่เก่ียวข้องกับกำรเกิดหินตะกอน ก. นำ ้ ำและลม ข. วัตถุประสำน ค. ควำมร้อนและควำมดัน ง. กำรตกตะกอน ทับถมของตะกอน ٧. เม่ ือนำ ำกรวด หิน ดินและทรำย มำคลุกเคล้ำกันแล้วเทใสลงในท่อพลำสติกใสท่ีบรรจุนำ้ำไว้ ผลจะเป็ นอย่ำงไร ก. ตะกอนของหินจะอยู่ด้ำนบนสุด
  • 19. 19 ข. ตะกอนของดินจะตกทับถมอยู่ด้ำนล่ำงสุด ค. กรวด หิน ทรำย จะตกตะกอนแต่ดินไม่ตกตะกอน ง. ตะกอนจะเรียงลำำดับจำกล่ำงขึ้นบน คือ หิน กรวด ทรำย ดิน ٨. เพรำะเหตุใดตะกอนต่ำง ๆ เม่ ือทับถมกันนำน ๆ เข้ำจะจับติดกันเป็ นก้อน ก. ควำมกดดันทำำให้เกิดกำรอัดตัว ข. อุณหภูมิเกิดกำร หลอมละลำย ค. มีสำรเป็ นตัวเช่ ือมประสำนให้ตะกอนจับตัว ง. ถูกทุกข้อ ٩. ซำกดึกดำำบรรพ์พบมำกท่ีสุดในหินชนิ ดใด ก. หินอัคนี ข. หินแปร ค. หินตะกอน ง. หินภูเขำไฟ ١٠. หินชนิ ดใดท่ีเกิดขึ้นโดยไม่มีวัตถุเช่ ือมประสำน ก. หินทรำย ข. ศิลำแลง ค. หินบะซอลต์ ง. หินกรวดมน ١١. หินตะกอนท่ีเกิดจำกกำรตกตะกอนของสำรละลำยแคลเซียมคำร์บอเนตในทะเลได้แก่ หินชนิ ดใด ก. หินปูน ข. หินอ่อน ค. หินชนวน ง. หินทรำย ١٢. หินอัคนี ท่ีเกิดจำกกำรเย็นตัวและแข็งตัวอย่ำงช้ำ ๆ ของแมกมำ หินจะมีลักษณะอย่ำงไร ก. ผลึกละเอียด เน้ือหินแน่ นแข็ง ข. ผลึกละเอียด เน้ือหิน หยำบ ค. ผลึกหยำบ เน้ือหินแน่ นแข็ง ง. ผลึกหยำบ เน้อหิน ื หยำบ ١٣. หินอัคนี ท่ีเกิดจำกกำรเย็นตัวและแข็งตัวอย่ำงรวดเร็วของลำวำ หินท่ีได้จะมีลักษณะ อย่ำงไร ก. เป็ นรูพรุน ข. เน้ือเนี ยนเป็ นแก้ว ค. หยำบ แน่ นแข็ง ง. ข้อ ก และ ข ถูก ١٤. หินชนิ ดใดเป็ นต้นกำำเนิ ดอัญมณี ก. หินแกรนิ ต ข. หินชนวน ค. หินสคอเรีย ง. หินบะซอลต์ ช่ ือ..............................................................................ชัน ้ ม.٢/........................เลขท่ี.................... ١٥. แร่ธำตุท่ีเป็ นวัตถุประสำนตะกอนต่ำง ๆ ให้เกิดเป็ นหินตะกอนคืออะไร ก. ซิลิกำ ข. เหล็กออกไซด์ ค. แคลเซียมคำร์บอเนต ง. ถูกทุกข้อ ١٦. โดยปกติหินตะกอนมักเกิดตำมแม่นำ้ำ ปำกนำ ้ ำ หรือในทะเล แต่มีหนตะกอนอยู่ชนิ ดหน่ ึง ิ ท่ีเกิดบนบก หินตะกอนชนิ ดนี้คืออะไร ก. หินปูน ข. ศิลำแลง ค. หินดินดำน ง. หินทรำย ١٧. หินตะกอนชนิ ดใดเม่ ือเอำมือบิจะแตกออกเป็ นชัน ๆ ้
  • 20. 20 ก. หินดินดำน ข. หินทรำย ค. หินปูน ง. หินกรวดมน ١٨. หินชนิ ดใดใช้ทำำกำำแพง ก. หินกรวด ข. หินทรำย ค. ศิลำแลง ง. หินดินดำน ١٩. หินตะกอนในข้อใดท่ีมีเน้ือละเอียดท่ีสุด ก. หินกรวดมน ข. หินทรำย ค. หินปูน ง. หินดินดำน ٢٠. ลักษณะท่ีสำำคัญของหินแปรคือข้อใด ก. มีผลึกละเอียดสวยงำม เพรำะมีแสงระยิบระยับ ข. เน้ือแน่ นหรือมีริว ้ ขนำน ค. นำ ้ ำหนั กเบำ มีรูพรุน ง. มีผลึกเป็ นดอกดวง ขนำดใหญ่สวยงำม ٢١. หินในข้อใดเหมำะท่ีจะนำ ำมำมุงหลังคำ ก. หินชีสต์ ข. หินไนส์ ค. หินชนวน ง. หินควอร์ตซ์ไซต์ ٢٢. ถ้ำต้องกำรนำ ำหินมำประดับอำคำรบ้ำนเรือน ควรใช้หินชนิ ดใด ก. หินชีสต์ ข. หินอ่อน ค. หินฟิ ลไลต์ ง. ถูกทุกข้อ ٢٣. ลักษณะของหินชันหรือหินตะกอนนอกจำกมีซำกดึกดำำบรรพ์อยู่ภำยในหินนั ้นแล้ว ้ ลักษณะเฉพำะของหินชันท่ี ้ ต่ำงไปจำกหินชนิ ดอ่ ืนอย่ำงชัดเจน คือข้อใด ก. มีสีสวยงำมแวววำว ข. มีกำรเรียงตัวเป็ นชัน ้ ๆ ของอนุภำค ค. ผลึกท่ีอยู่ภำยในหินมีดอกดวงใหญ่โต ง. ไม่มีลักษณะเฉพำะ อย่ำงอ่ ืน ٢٤. หินตะกอนจะพบได้บริเวณใดของประเทศไทย ก. ภูเขำสูง ข. ชำยทะเล ค. ริมฝั่ งนำ ้ ำ ง. ทัวๆ ไปทุกลักษณะ ่ ภูมิประเทศ ٢٥. หินชนิ ดใดเป็ นต้นกำำเนิ ดแร่ดีบุก ก. หินแกรนิ ต ข. หินทรำย ค. หินปูน ง. หินดินดำน ٢٦. หินชนิ ดใดนำ ำมำใช้ในอุตสำหกรรมปูนซีเมนต์และเซรำมิก ก. หินทรำย ข. หินโคลน ค. หินดินดำน ง. ข้อ ข และ ค ถูก ٢٧.หินในข้อใดนำ ำมำใช้ในอุตสำหกรรมฟอกหนั งและนำ ้ ำตำล ก. หินทรำย ข หินปูน ค. หินกรวดมน ง. หินกรวดเหล่ียม ٢٨. หินประเภทใดท่ีเป็ นประโยชน์ในกำรศึกษำโบรำณคดี ก. หินแปร ข. หินอัคนี ค. หินตะกอน ง. หินภูเขำไฟ ٢٩. แหล่งท่องเท่ียวท่ีมช่ือเสียงของประเทศไทยท่ีเป็ นหินตะกอนได้แก่ข้อใด ี
  • 21. 21 ก. ภูกระดึง ข. สุสำนหอย ค. ป่ ำหินงำมผำแต้ม ง. ถูกทุกข้อ ٣٠. หินชนิ ดใดนำ ำไปใช้ประดับอำคำร ก. หินออบซิเดียน ข. หินสคอเรีย ค. หินบะซอลต์ ง. หินแกรนิ ต ٣١. เหตุใดจึงใช้หินออบซีเดียนทำำอำวุธโบรำณ ก. นำ ้ ำหนั กเบำ ข. มีผลึกแหลม ค. บริเวณท่ีแตกมีควำมคม ง. แข็งแรงทนต่อกำร กัดกร่อนได้ดี ٣٢. หินอัคนี ส่วนมำกจะพบในบริเวณใดของประเทศไทย ก. หำดทรำยชำยทะเล ข. บริเวณท่ีเป็ นเขำ ค. บริเวณแอ่งนำ ้ ำ ง. ท่ีรำบลุ่มภำคกลำง ٣٣. หินท่ีเกิดจำกกำรระเบิดของภูเขำไฟ ลักษณะของผลึกจะเป็ นอย่ำงไร ก. ผลึกขนำดใหญ่กระจำยอยู่ในเน้ือหิน ข. ผลึกขนำดใหญ่อยู่ บำงบริเวณของหิน ค. ผลึกขนำดเล็กสลับกับผลึกขนำดใหญ่ ง. ไม่มีผลึก ٣٤.หินชนิ ดใดไม่ใช่หนอัคนี ิ ก. หินแกรนิ ต ข. หินไนส์ ค. หินบะซอลต์ ง. หินสคอเรีย ٣٥. ซำกดึกดำำบรรพ์หรือฟอสซิลมักพบได้ในหินชนิ ดใด ก. หินอัคนี ข. หินแปร ค. หินตะกอน ง. พบได้ในทุกข้อ ٣٦. หินชนิ ดใดสำมำรถนำ ำไปทำำหินลับมีดหรือแกะสลัก ก. หินปูน ข. ศิลำแลง ค. หินกรวดมน ง. หินทรำย ٣٧. หินชนิ ดใดเม่ ือถูกกรดแล้วเกิดฟองแก๊ส ก. หินปูน ข. หินกรวด ค. ศิลำแลง ง. หินทรำย ٣٨. หินแปรเกิดจำกข้อใด ก. หินอัคนี และหินตะกอนเปล่ียนแปลงไปโดยผลจำกควำมร้อนและควำมกดดัน ข. เฉเพำะหินอัคนี เปล่ียนแปลงไปโดยผลจำกควำมร้อนและควำมกดดัน ค. เฉพำะหินตะกอนเปล่ียนแปลงไปโดยผลจำกควำมร้อนและควำมกดดัน ง. หินอัคนี เปล่ียนแปลงไปโดยผลจำกควำมร้อน ٣٩. หินแปรชนิ ดใดมีควำมแข็งและทนทำนมำก ก. หินชนวน ข. หินควอร์ตไซต์ ค. หินไนส์ ง. หินอ่อน ٤٠. ข้อใดเป็ นกำรนำ ำหินมำใช้ประโยชน์ไม่ถกต้อง ู ก. หินบะซอลต์ทำำถนน ข. หินไนส์นำำมำทำำหิน ลับมีด ค. หินแกรนิ ตนำ ำมำประดับอำคำร ง. หินปูนและหินค วอร์ตไซต์ใช้ทำำหินก่อสร้ำง ٤١. แหล่งแร่มักพบในบริเวณพ้ืนท่ีลักษณะใด
  • 22. 22 ก. ภูเขำ ข. ทะเล ค. ท่ีรำบลุ่ม ง. ทะเลสำบ ٤٢. ข้อใดไม่ใช่ลกษณะท่ีสำำคัญท่ีใช้ในกำรตรวจสอบแร่ ั ก. ควำมแข็ง ข. ควำมวำว ค. ควำมสวยงำม ง. ควำมละเอียดของสีผง ٤٣. จำกกำรตรวจสอบควำมแข็งของแร่ อยำกทรำบว่ำแร่ในข้อใดแข็งท่ีสุด ก. แร่ท่ีใช้มีดขูดเป็ นรอยได้ ข. แร่ท่ีใช้เล็บมือขูดเป็ น รอยได้ ค. แร่ท่ีขูดแผ่นยิปซัมเป็ นรอยได้ ่ ง. แร่ท่ีขูดแผ่นกระจก เป็ นรอยได้ ٤٤. ข้อใดหมำยถึงสินแร่ ก. แร่ท่ีมีธำตุทำงเศรษฐกิจปนอยู่ ข. แร่ท่ีสำมำรถนำ ำมำ ถลุงแล้วมีมูลค่ำทำงเศรษฐกิจ ค. แร่ท่ีมีโลหะเป็ นองค์ประกอบ และถลุงออกมำใช้ได้ ง. ถูกทุกข้อ ช่ ือ..............................................................................ชัน ้ ม.٢/........................เลขท่ี.................... ٤٥. แร่ชนิ ดใดไม่ต้องนำ ำไปถลุง สำมำรถนำ ำไปใช้ประโยชน์ได้เลย ก. กำลีนำ ข. รัตนชำติ ค. ฮีมำไทต์ ง. แคสซิเทอไรต์ ٤٦. แร่ยิปซัมใช้ประโยชน์อะไรได้บ้ำง ก. ส่วนผสมของปูนซิเมนต์ ข. ปูนปลำสเตอร์ ค. ทำำแผ่นยิบซัมบอร์ด ง. ถูกทุกข้อ ٤٧. ข้อใดจัดเป็ นแร่โลหะทังหมด ้ ก. กำำมะถัน ดีบก ทองคำำ ุ ข. ไมกำ กำำมะถัน ดีบุก ค. เหล็ก ยิปซัม ดีบุก ง. เหล็ก ดีบุก ทองคำำ ٤٨. ข้อใดจัดเป็ นแร่อโลหะทังหมด ้ ก. เหล็ก กำำมะถัน ใยหิน ข. เหล็ก สังกะสี ตะกัว ่ ค. ฮีมำไทต์ แบไรต์ เหล็ก ง. ใยหิน ดินขำว เกลือหิน ٤٩. ข้อใดไม่ใช่แร่รัตนชำติ ก. ทับทิม ก. มรกต ค. เพชร ง. ทองคำำ 50. แร่ชนิ ดใดมีควำมแข็งมำกท่ีสุด ก. เพชร ข. ควอร์ตซ์ ค. ยิปซัม ่ ง. แคลไซต์ ٥١. แร่ชนิ ดใดถือว่ำเป็ นผลพลอยได้จำกกำรทำำเหมืองแร่ดีบกุ ก. พลอย ข. ทังสเตน ค. แทนทำลัม ง. อะพำไทต์ ٥٢. ทอง ١٨ K มีส่วนผสมของเน้ือทองอย่ำงไร ก. มีเน้ือทองอยู่ ٧٥ % ข. มีเน้อทอง ื หนั ก ٠.٣٦ กิโลกรัม