More Related Content
Similar to โครงงานเครื่องกรองน้ำทิ้งในโรงอาหาร
Similar to โครงงานเครื่องกรองน้ำทิ้งในโรงอาหาร (20)
More from krupornpana55 (20)
โครงงานเครื่องกรองน้ำทิ้งในโรงอาหาร
- 1. 1
บทที่ 1
บทนํา
ที่มาและความสําคัญ
น้ํามีความสําคัญเปนอยางยิ่งตอชีวิตประจําวันวันของมนุษย ทั้งในดานการอุปโภค บริโภค
การเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม แตในปจจุบันมีการปลอยน้ําทิ้งจากบานเรือน โรงเรียน หนวยงาน
ตางๆ และโรงงานอุตสาหกรรมลงในแหลงน้ําตามธรรม ซึ่งสงผลทําใหน้ําในธรรมชาติเกิดการเนาเสีย
และยังสงผลตอสิ่งมีชวิตที่อาศัยอยูในแหลงน้ํานั้นๆ ดวย ทําใหเกิดปญหามลพิษทางน้ํา สงผลตอ
ี
สุขภาพและจิตใจ โดยเฉพาะอยางยิ่งปญหาน้ําทิ้งในโรงเรียน ซึ่งสาเหตุสําคัญมาจากการปลอยน้ําทิ้ง
จากโรงอาหาร น้ําทิ้งจากหองสํานักงาน หองปฏิบัติการ สูรางระบายน้า เนื่องจากน้ําทิ้งจากการ
ํ
ประกอบอาหาร น้ําทิ้งจากการรับประทานอาหารหองสํานักงาน และการลางจานประกอบดวยเศษ
อาหาร เครื่องปรุง แปง และไขมัน โดยเฉพาะคราบไขมันซึ่งแขวนลอยอยูบนผิวน้ํา ซึ่งเปน
องคประกอบหนึ่งของน้ําเสียที่กําจัดและสลายไดยาก หากมีปริมาณไขมันในน้ามากเกินไปจะสงผล
ํ
เสียอยางมากไดแก เกิดครบไขมันแขวนลอยอยูบนผิวน้ํา เกิดการอุดตันของทอระบายน้ํา เกิดคราบ
สกปรกในทอระบายน้ํา พืชน้ําไมสามารถสังเคราะหแสง และมีผลตอการหาอาหารและการดํารงชีวิต
ของสัตยน้ําตางๆ นอกจากนีกลิ่นเหม็นจากน้ําเสียยังมีผลตอสุขภาพของนักเรียนและการจัดการเรียน
้
การสอนภายในโรงเรียน
แมวาการปลอยน้ําทิ้งจากโรงอาหาร และหองสํานักงานจะมีการกรองเศษอาหารตางๆใน
เบื้องตนแลว แตยังไมสามารถกรองคราบไขมันที่แขวนลอยอยูในน้ําทิงได ดวยเหตุนผูจัดทําโครงงาน
้ ี้
จึงมีความสนใจที่จะศึกษาอุปกรณที่ใชในการดักจับคราบไขมันที่มาจากน้ําทิ้งในโรงอาหาร และหอ
งํานักงานของโรงเรียน โดยใชวัสดุที่สามารถหาไดงายในทองถิ่นหรือในบริเวณโรงเรียนที่มี
ความสามารถในการดูดซับคราบไขมัน เพื่อชวยลดปริมาณน้ําเสียภายในโรงเรียน และสามารถนําน้ํา
ที่ผานการบําบัดแลวไปใชในกิจกรรมอื่นๆ เชน นําไปรดน้ําตนไมในแปลงเกษตร และสวนสาธิต
เกษตรอินทรีย เปนตน
- 2. 2
จุดประสงค
1. เพื่อหาความสามารถในการดูดซับคราบน้ํามันพืชที่แขวนลอยบนผิวน้ําของวัสดุดดซับ
ู
ธรรมชาติที่มีอยูในทองถิ่น
2. เพื่อสรางเครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามันที่แขวนลอยบนผิวน้ําทิ้งในโรงเรียน
3. เพื่อศึกษาคุณภาพน้ําทิ้งหลังผานเครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามัน
สมมติฐาน
1. วัสดุดูดซับแตกตางกัน มีความสามารถในการดูดซับคราบน้ํามันที่แขวนลอยบนผิวน้ํา
ไดตางกัน
2. ความหนาของวัสดุดูดซับแตละชั้นของเครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามันมีผลตอการไหล
ของน้ํา
3. คุณภาพน้ําทิ้งหลังผานเครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามันมีคุณภาพดีกวากอนผานเครืองกรอง
่
ดูดซับคราบน้ามัน
ํ
ขอบเขตของการศึกษา
1. ระยะเวลาทีใชในการศึกษา
่
1.1 การเตรียมวัสดุในการดูดซับและเครืองกรอง
่
เดือน 15 มิถุนายน- 15 สิงหาคม 2555
1.2 การหาความสามารถในการดูดซับคราบน้ํามันที่แขวนลอยบนผิวน้ําของวัสดุดดซับ ู
ธรรมชาติที่มีอยูในทองถิ่น
เดือน 15-20 สิงหาคม 2555
1.3 การสรางเครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามันที่แขวนลอยบนผิวน้ําทิ้ง
เดือน 21-22 สิงหาคม 2555
1.4 การหาคุณภาพน้ําทิ้งทีผานเครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามันที่แขวนลอยบนผิวน้าทิ้ง
่ ํ
เดือน 25 สิงหาคม 2555
2. สถานที่ทําการศึกษา
2.1 หองปฏิบัติการวิทยาศาสตรทั่วไป
2.2 หองสํานักงานโรงเรียนทุงยาวผดุงศิษย
2.3 โรงอาหารโรงเรียนทุงยาวผดุงศิษย
3. วัสดุดูดซับที่ใช
3.1 ขุยมะพราว 3.2 กาบมะพราว 3.3 ขี้เลื่อย 3.4 ชานออย
- 3. 3
ตัวแปรที่เกี่ยวของในการศึกษา
ตอนที่ 1 การศึกษาความสามารถในการดูดซับคราบน้ํามันพืชที่แขวนลอยบนผิวน้าของวัสดุ
ํ
ดูดซับธรรมชาติที่มีอยูในทองถิ่นแตละชนิด
1.1 วัสดุธรรมชาติท่ใชทั่วไปในทองถิ่น จํานวน 6 ชนิด
ี
ตัวแปรตน ชนิดของวัสดุดูดซับธรรมชาติ 8 ชนิดไดแก ชานออย ขุยมะพราว กาบ
มะพราว กอนกรวดขนาดใหญ กอนกรวดขนาดเล็ก ทราย ผงถาน ขี้เลื่อย
ตัวแปรตาม ความสามารถในการดูดซับคราบน้ํามันพืชที่แขวนลอยบนผิวน้ําในน้ํา
ทิ้งของวัสดุดดซับ
ู
ตัวแปรควบคุม ปริมาณน้ําทิ้ง แหลงที่มาของน้ําทิ้ง เวลาที่ใชทดลอง ระยะเวลาการเก็บ
ตัวอยางน้ํา
1.2 วัสดุธรรมชาติในทองถิ่นที่ดดซับคราบน้ํามันไดดี จํานวน 4 ชนิด
ู
ตัวแปรตน ชนิดของวัสดุดูดซับธรรมชาติ 4 ชนิดไดแก ชานออย ขุยมะพราว
ขี้เลื่อย กาบมะพราว
ตัวแปรตาม ความสามารถในการดูดซับคราบน้ํามันพืชที่แขวนลอยบนผิวน้ําในน้ํา
ทิ้งของวัสดุดดซับ ู
ตัวแปรควบคุม ปริมาณน้ําทิ้ง แหลงที่มาของน้ําทิ้ง เวลาที่ใชทดลอง ระยะเวลาการเก็บ
ตัวอยางน้ํา
ตอนที่ 2 การศึกษาความหนาของวัสดุดูดซับแตละชั้นของเครื่องกรองดูดซับคราบน้ามันมี
ํ
ผลตอการไหลของน้ํา
ตัวแปรตน ความหนาของชั้นวัสดุดูดซับ
ตัวแปรตาม ความเร็วในการไหลของน้ํา
ตัวแปรควบคุม ปริมาณน้ําทิ้ง แหลงที่มาของน้ําทิ้ง เวลาที่ใชทดลอง ระยะเวลาเก็บ
ตัวอยางน้ํา
ตอนที่ 3 การศึกษาคุณภาพน้าทิ้งหลังผานเครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามัน
ํ
ตัวแปรตน น้ําทิงกอนผานเครืองกรองดูดซับคราบน้ํามันและหลังผานเครื่องกรอง
้ ่
ดูดซับคราบน้ามัน ํ
ตัวแปรตาม คุณภาพของน้ําทิ้ง ไดแก ปริมาณน้ํามัน อุณหภูมิ
คาความเปนกรด-เบส (pH) สี กลิ่น
ตัวแปรควบคุม ปริมาณน้ําทิ้ง แหลงทีมาของน้ําทิ้ง เวลาที่ใชทดลอง ระยะเวลาการเก็บ
่
ตัวอยางน้ํา
- 4. 4
นิยามศัพทเฉพาะ
น้ําทิ้ง หมายถึง น้ําที่ผานทอระบายน้ําของโรงเรียนทุงยาวผดุงศิษย อําเภอปะเหลียน จังหวัด
ตรัง ทําการเก็บโดยรองจากทอที่ตอจากทอน้ําทิ้งจากโรงอาหาร ในชวงเวลา 09.00-11.00 น.
คุณภาพของน้าทิ้ง วัดจากปริมาณไขมัน อุณหภูมิ คาความเปนกรด-เบส (pH) สี กลิ่น
ํ
ปริมาณตะกอน
กาบมะพราว คือ กาบมะพราวที่ผานการสับใหเปนชินเล็กๆ เปนรูปสี่เหลี่ยม
้
ชานออย คือ ออยที่ผานการบีบเอาน้ําออยออกหมดแลว นํามาตัดเปนทอนเล็กๆแลวตาก
แดดใหแหง
ขี้เลื่อย คือ ขี้เลื่อยชนิดหยาบที่ไดจากการเลือยไม นํามาตากแดดใหแหง
่
ขุยมะพราว คือกาบมะพราวที่ผานการสับใหเปนชิ้นเล็กๆ เปนรูปสี่เหลี่ยม
ขุยมะพราว คือ กาบมะพราวที่ผานเครื่องปนแหงใหยุยละเอียด
เครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามัน คือ เครื่องกรองน้ําที่สรางขึ้นเพื่อใชบําบัดน้ําทิ้งจากหอง
สํานักงาน และน้ําทิ้งจากโรงอาหารของโรงเรียน มี 4 ชั้น ชั้นที่ 1 เปนชั้นดักเศษอาหาร ชั้นที่ 2 เปน
ชั้นดักคราบน้ามัน ชั้นที่ 3 เปนชั้นดูดซับสีและกลิ่น ชันที่ 4 เปนชั้นกรองตะกอน
ํ ้
ประโยชนที่คาดวาจะไดรับ
1. ไดเครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามัน เพื่อใชในการกรองน้ําทิ้งหองสํานักงาน และโรงอาหาร
ของโรงเรียนทุงยาวผดุงศิษย
2. ไดวัสดุทนํามาใชดูดซับไขมันในน้ําทิ้งของโรงอาหารกอนปลอยสูรางระบายน้ําของ
ี่
โรงเรียน
3. ไดทราบความสามารถในการดูดซับคราบน้ํามันพืชที่แขวนลอยบนผิวน้าของวัสดุดูดซับ
ํ
ธรรมชาติที่มีอยูในทองถิ่น
4. ไดเครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามันที่แขวนลอยบนผิวน้ําทิ้งในโรงเรียน
5. ไดทราบคุณภาพน้าทิ้งหลังผานเครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามัน
ํ
6. ไดประหยัดคาใชจายและลดปญหาสิ่งแวดลอมในโรงเรียน
7. ไดใชเปนแนวทางในการทําโครงงานอื่นๆ ตอไป
- 5. 5
บทที่ 2
เอกสารที่เกียวของ
่
น้ํา (water)
น้ําเปนสารประกอบของกาซไฮโดรเจนตอออกซิเจนในอัตราสวน 2:1 โดยปริมาตรหรือ 1:8
โดยมวลมีชื่อทางวิทยาศาสตรวา Hydrogen Oxide โดยมีสูตรโมเลกุลคือ H2O
คุณสมบัตของน้ํา
ิ
1. เปนของเหลวใสไมมกลิ่น ไมมีรส และไมมีสี
ี
2. เปนตัวทําละลายที่ดี
3. มีจุดเดือด 100 องศาเซลเซียส และมีจุดเยือกแข็งที่ 0 องศาเซลเซียส
4. มีความหนาแนนมากที่สุด คือ 1 กรัม ตอ 1 ลูกบาศกเซนติเมตร ที่อุณหภูมิ 4 องศา
เซลเซียส
5. เมื่อน้ํากลายเปนน้ําแข็ง จะมีปริมาตรเพิ่มขึ้น
น้ําเสีย
น้ําเสีย หมายถึง น้ําที่มีสารใด ๆ หรือสิ่งปฏิกูลที่ไมพงปรารถนาปนอยู การปนเปอนของสิ่ง
ึ
สกปรกเหลานี้ จะทําให คุณสมบัติของน้ําเปลี่ยนแปลงไปจนอยูในสภาพที่ไมสามารถนํากลับมาใช
ประโยชนได สิ่งปนเปอนทีอยูในน้ําเสีย ไดแก น้ํามัน ไขมัน ผงซักฟอก สบู ยาฆาแมลง สารอินทรียที่
่
ทําใหเกิดการเนาเหม็นและเชื้อโรคตาง ๆ
แหลงที่มาของน้ําเสียแบงไดเปน 2 แหลงใหญ ๆ ดังนี้
1. น้ําเสียจากแหลงชุมชน มาจากกิจกรรมสําหรับการดํารงชีวิตของคนเรา เชน อาคาร
บานเรือน หมูบานจัดสรร คอนโดมิเนียม โรงแรม ตลาดสด โรงพยาบาล เปนตน จากการศึกษาพบวา
ความเนาเสียของคูคลองเกิดจากน้ําเสียประเภทนี้ ถึงประมาณ 75%
2. น้ําเสียจากกิจกรรมอุตสาหกรรม ไดแกน้ําเสียจากขบวนผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม
รวมทั้งน้ําหลอเย็นที่มี ความรอนสูง และน้ําเสียจากหองน้ําหองสวมของคนงานดวยความเนาเสียของ
คุคลองเกิดจากน้ําเสียประเภทนี้ประมาณ 25% แมจะมีปริมาณไมมากนัก แตสิ่งสกปรกในน้ําเสียจะ
เปนพวกสารเคมีที่เปนพิษและพวกโลหะหนักตาง ๆ รวมทั้งพวก สารอินทรียตาง ๆ ที่มีความเขมขน
สูงดวย
- 6. 6
กรรมวิธีในการบําบัดน้าเสีย ํ
การบําบัดน้ําเสียใหเปนน้ําที่สะอาดกอนปลอยทิ้งเปนวิธการหนึ่งในการแกไขปญหา
ี
แมน้ําลําคลองเนาเสีย โดยอาศัยกรรมวิธีตาง ๆ เพื่อลดหรือทําลายความสกปรกที่ปนเปอนอยูใน
หองน้ําไดแก ไขมัน น้ํามัน สารอินทรีย สารอนินทรีย สารพิษ รวมทั้งเชื้อโรคตางๆ ใหหมดไปหรือ
ใหเหลือนอยที่สุดเมื่อปลอยทิ้งลงสูแหลงน้ําก็จะไมทาใหแหลงน้ํานั้นเนาเสีย อีกตอไป
ํ
ขั้นตอนในการบําบัดน้าเสียํ
เนื่องจากน้ําเสียมีแหลงที่มาแตกตางกันจึงทําใหมีปริมาณและความสกปรกของน้ําเสีย
แตกตางกันไปดวยในการ ปรับปรุง คุณภาพของน้ําเสียจําเปนจะตองเลือกวิธีการที่เหมาะสมสําหรับ
กรรมวิธีในการปรับปรุงคุรภาพของน้ําเสียนั้นก็มีหลายวิธีดวยกันโดยพอจะแบงขั้นตอนในการบําบัด
ออกไดดังนี้
การบําบัดน้ําเสียขันเตรียมการ (Pretreatment)
้
เปนการกําจัดของแข็งขนาดใหญออกเสียกอนที่น้ําเสียจะถูกปลอยเขาสูระบบ
บําบัดน้ําเสีย เพื่อปองกันการอุดตันทอน้ําเสีย และเพื่อไมทําความเสียหายใหแกเครืองสูบน้ํา การ
่
บําบัดในขั้นนีไดแก การดักดวยตะแกรง การบดตัดเปนการลดขนาดหรือปริมาตรของแข็งใหเล็กลง
้
ถาสิ่งสกปรกที่ลอยมากับน้าเสียเปนสิ่งที่เนาเปอยไดตองใชเครื่องบดตัดใหละเอียด กอนแยกออกดวย
ํ
การตกตะกอน การดักกรวดทราย เปนการกําจัดพวกกรวดทรายทําใหตกตะกอนในรางดักกรวดทราย
โดยการลดความเร็วน้ําลง การกําจัดไขมันและน้ํามันเปนการกําจัดไขมันและน้ํามันซึ่งมักอยูในน้ํา
เสียที่มาจากครัว โรงอาหาร หองน้ํา ปมน้ํามัน และโรงงานอุตสาหกรรมบางชนิดโดยการกักน้ําเสียไว
ในบอดักไขมันในชวงเวลาหนึ่งเพื่อใหน้ํามันและไขมันลอยตัวขึ้นสูผิวน้ําแลวใชเครื่องตักหรือกวาด
ออกจากบอ
การบําบัดน้ําเสียขันที่สอง (Secondary Treatment)
้
เปนการกําจัดน้ําเสียที่เปนพวกสารอินทรียอยูในรูปสารละลายหรืออนุภาค
คอลลอยด โดยทั่วไปมักจะเรียกการบําบัด ขั้นที่สองนี้วา "การบําบัดน้ําเสียดวยขบวนการทาง
ชีววิทยา" เนื่องจากเปนขันตอนที่ตองอาศัยจุลินทรียในการยอยสลาย หรือทําลายความสกปรกในน้า
้ ํ
เสีย การบําบัดน้ําเสียในปจจุบันอยางนอยจะตองบําบัดถึงขั้นที่สองนี้ เพือใหน้ําเสียที่ผาน การบําบัด
่
แลวมีคุณภาพมาตรฐานน้ําทิงที่ทางราชการกําหนดไว การบําบัดน้ําเสียดวยขบวนการทางชีววิทยา
้
แบงเปน 2 ประเภท ไดแก ขบวนการทีใชออกซิเจน ขบวนการที่ไมใชออกซิเจน
่
การบําบัดน้ําเสียขันสูง (Advanced Treatment)
้
เปนการบําบัดน้ําเสียที่ผานการบําบัดในขั้นที่สองมาแลว เพื่อกําจัดสิ่งสกปรก
บางอยางที่ยังเหลืออยู เชน โลหะหนัก หรือเชื้อโรคบางชนิดกอนจะระบายน้าทิ้งลงสูแหลงน้ํา
ํ
- 7. 7
สาธารณะการบําบัดขั้นนี้มักไมนิยมปฏิบัตกัน เนื่องจากมีขั้นตอนที่ยุงยากและเสียคาใชจายสูง
ิ
นอกจากผูบําบัดจะมีวัตถุประสงคในการนําน้ําที่บําบัดแลวกลับคืนมาใชอีกครั้ง
คุณภาพน้ํา
คุณภาพหมายถึง คุณภาพในแหลงน้ํา อาจเปนแมน้ําลําธาร อางเก็บน้ํา ทะเลสาบ ทะเล
ตลอดจนแหลงน้ําใตดน ความหมายของคุณภาพน้ําสําหรับผูใชน้ําแตละกลุมจึงมีความแตกตางกัน
ิ
เชน หากคํานึงถึงความบริสุทธิ์ของน้ํา น้ําที่มีสารประกอบตางๆละลายอยูนอย เชน น้ํากลั่นจะมี
คุณภาพดีที่สุด ในขณะที่น้ําทะเลซึ่งมีเกลือแรละลายอยูมาก จะมีคณภาพไมดี อยางไรก็ตามสิ่งมีชีวต
ุ ิ
ทั้งหลายชนิดดํารงอยูไดในน้ําทะเลเทานัน ดังนั้นน้ําทะเลจึงมีคุณภาพเหมาะสมสําหรับสิ่งมีชีวิต
้
เหลานี้ จึงอาจกลาวไดวา คุณภาพน้ําที่ดี คือ คุณภาพน้ําที่เหมาะสําหรับการใชประโยชนจากแหลงน้ํา
ตามวัตถุประสงคที่ตั้งไว
ดัชนีวดคุณภาพน้ํา
ั
1. คาพีเอช (pH) หรือคาความเปนกรด-ดาง คาพีเอชจะมีคาอยูในชวง 0-14 คาพีเอชมากก
วา 7 หมายถึงมีสภาพเปนดาง คาพีเอชนอยกวา 7 หมายถึงมีสภาพเปนกรด สําหรับคาพีเอชในน้าทิ้งที่ ํ
เหมาะสม ควรอยูในชวง 5-9 จึงจะไมมีผลกระทบและเปนอันตรายตอการดํารงชีวิตของสิ่งมีชวิตใน ี
น้ําและการนําไปใชประโยชน
2. อุณหภูมิ น้ําเสียที่เปนน้าอุนหรือน้ํารอนถาถูกปลอยออกมาเปนจํานวนมากจะสงผล
ํ
กระทบตอระบบนิเวศแหลงน้ําได เชน น้ําหลอเย็นจากโรงงานอุตสาหกรรมหรือโรงไฟฟา
3. สีและความขุน จะขัดขวางการสังเคราะหแสงของพืชน้ําและ แพลงตอนพืชในน้าได ํ
4. ของแข็ง ทั้งของแข็งแขวนลอย ตะกอนจมตัวได ของแข็งละลายน้า จะทําใหเกิดสภาพ
ํ
ไรออกซิเจนในทองน้ํา และแหลงน้ําตื้นเขินได
5. สารแขวนลอย ทั้งอินทรียวัตถุและอนินทรียวัตถุ จะปดกั้นแสงอาทิตยไมใหสองถึง
สิ่งมีชีวิตในน้าที่มีสีเขียว ทําใหมผลกระทบตอนิเวศวิทยาของสิ่งแวดลอม
ํ ี
6. สารอินทรีย ไดแก คารโบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ซึ่งสามารถยอยสลายไดโดยจุลินทรีย
ที่ใชออกซิเจน ทําใหระดับการใชออกซิเจนละลาย(DO) ลดลง จนเกิดสภาพเนาเสีย สามารถวัดไดใน
รูป บีโอดี (BOD)
7. สารอนินทรีย ไดแก กรด ดาง เกลือชนิดตางๆ โลหะ และสารอื่นๆ ไมทําใหน้ําเนาเหม็น
แตทไใหสภาพน้ําปนเปอน และอาจเปนพิษตอสิ่งมีชวิต ี
8. ธาตุอาหาร ไดแก เกลือของสารประกอบไนโตรเจนและฟอสเฟต เมื่อมีปริมาณสูงและ
เปนสัดสวนที่เหมาะสมจะทําใหสาหรายเจริญเติบโตไดอยางรวดเร็ว (ปรากฎการณยูโทรฟเคชั่น
- 8. 8
Eutrophication หรือ แอลจีบลูม Algae Bloom) ทําใหระดับออกซิเจนในน้ําลดลงตอนกลางคืน และ
น้ําเนาเสียเนื่องจากการตายของสาหราย
9. กลิ่นเหม็น ถึงแมวาจะไมเปนอันตรายตอสุขภาพโดยตรง แตก็เปนผลกระทบที่รุนแรงตอ
การดํารงชีวิตและจิตใจของประชาชน
10. น้ํามันและไขมัน เปนอุปสรรคตอการทะลุของแสงลงสูลําน้ําและกีดขวางการกระจายตัว
ของออกซิเจนลงสูน้ํา
11. จุลินทรีย นอกจากจะทําใหน้ําเนามีกลิ่นเหม็นแลว จุลินทรียบางชนิดยังเปนเชื้อโรคที่
อันตรายตอมนุษยอกดวย จุลินทรียตัวทีใชเปนดัวชี้วดคุณภาพน้ําคือ แบคทีเรียชนิดโคลิฟอรม
ี ่ ั
12. วัตถุมีพิษชนิดสารอนินทรีย ประกอบดวยสารประกอบโลหะ เชน ปรอท ตะกัว แค ่
ดเมี่ยม ทองแดง ฯลฯ และทีเ่ ปนอโลหะ เชน สารหนู สารเคมีกําจัดศัตรูพืช
13. วัตถุมีพิษชนิดสารอินทรีย สวนใหญเปนสารประกอบอินทรียที่มสวนประกอบของ
ี
ฟอสฟอรัส คลอรีน และสารอื่นๆ
14. สารประกอบกํามะถัน กาซไฮโดรเจนซัลไฟด ทําใหเกิดกลิ่นเหม็น และกัดกรอนอุปกรณ
และอาคารที่ตั้งอยูใกลกับทางระบายน้ําเสีย เปนดัชนีประเภทไมตองการอากาศ (Anaerobic Index)
ของแหลงน้ํานั้น
ลักษณะของน้าขางตนอาจจําแนกเปน 2 ประเภท ดังนี้
ํ
1. คุณสมบัติทางกายภาพของน้า คือ ลักษณะทางภายนอกที่แตกตางกัน เชนความใส ความ
ํ
ขุน กลิ่น สี เปนตน
- อุณหภูมิ (temperature) อุณหภูมของน้ํามีผลในดานการเรงปฏิกิริยาทางเคมีซึ่งจะสงผล
ิ
ตอการลดปริมาณออกซิเจนที่ละลายน้ํา
- สี (color) สีของน้ําเกิดจากการสะทอนแสงของสารแขวนลอยในน้ํา เชน น้ําตาม
ธรรมชาติจะมีสเี หลืองซึ่งเกิดจากกรดอินทรีย น้ําในแหลงน้ําที่มีใบไมทับถมจะมีสีน้ําตาล หรือถามี
ตะไครน้ําก็จะมีสเี ขียว
- กลิ่นและรส กลิ่นและรสของน้ําจะมีคณสมบัติแตกตางกันขึ้นอยูกับปริมาณสารอินทรีย
ุ
ที่อยูในน้ํา เชน ซากพืช ซากสัตวท่เี นาเปอยหรือสารในกลุมของฟนอล เกลือโซเดียมคลอไรดซ่งจะทํา
ึ
ใหน้ํามีรสกรอยหรือเค็ม
- ความขุน (turbidity) เกิดจากสารแขวนลอยในน้ํา เชน ดิน ซากพืช ซากสัตว
- การนําไฟฟา (electical conductivity) บอกถึงความสามารถของน้ําที่กระแสไฟฟา
สามารถไหลผาน ทั้งนี้ขึ้นอยูกับความเขมขนของอิออนโดยรวมในน้ํา และอุณหภูมิขณะทําการวัดคา
- 9. 9
การนําไฟฟา
- ของแข็งทังหมด (total solid: TS) คือ ปริมาณของแข็งในน้ํา สามารถคํานวณจากการ
้
ระเหยน้ําออก ไดแก ของแข็งละลายน้ําทั้งหมด (Total Dissolved Solids: TDS) จะมีขนาดเล็กผาน
ขนาดกรองมาตรฐาน คํานวณไดจากการระเหยน้ําทีกรองผานกระดาษกรองออกไป ของแข็ง
่
แขวนลอย (Suspended Solids: SS) หมายถึง ของแข็งที่อยูบนกระดาษกรองมาตรฐานหลังจากการ
กรอง แลวนํามาอบเพื่อระเหยน้ําออก ของแข็งระเหยงาย (Volatile Solids: VS) หมายถึง สวนของแข็ง
ที่เปนสารอินทรียแตละลายน้ํา สามารถคํานวณไดโดยการนํากระดาษกรองวิเคราะหเอาของแข็งที่
แขวนลอยออก แลวนําของแข็งสวนที่ละลายทั้งหมดมาระเหยอุณหภูมิประมาณ 550 องศาเซลเซียส
นําน้ําหนักน้ําที่ชั่งหลังการกรองลบดวยน้ําหนักหลังจากการเผา น้ําหนักที่ไดคือ ของแข็งสวนที่ระเหย
ไป
2. สมบัติทางดานเคมีของน้า คือ ลักษณะทางเคมีของน้ํา เชน ความเปนกรด - เบส ความ
ํ
กระดาง ปริมาณออกซิเจนทีละลายน้ํา เปนตน
่
- pH แสดงความเปนกรดหรือเบสของน้ํา ( น้ําดื่มควรมีคา pH ระหวาง 6.8-7.3)
โดยทั่วไปน้ําที่ปลอยจากโรงงานอุตสาหกรรมมักจะมีคา pH ที่ต่ํา (PH < 7) ซึ่งหมายถึงมีความเปน
กรดสูงมีฤทธิ์กัดกรอน การวัดคา pH ทําไดงาย โดยการใชกระดาษลิตมัสในการวัดคาความเปนกรด –
เบส ซึ่งใหสีตามความเขมขนของ [H+] หรือการวัดโดยใช pH meter เมื่อตองการใหมีความละเอียด
มากขึ้น สภาพเบส (alkalinity) คือสภาพทีน้ํามีสภาพความเปนเบสสูงจะประกอบดวยไอออน
่
ของ OH-, CO3- ,H2CO3ของธาตุแคลเซียม โซเดียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม หรือแอมโมเนีย ซึ่ง
สภาพเบสนี้จะชวยทําหนาทีคลายบัฟเฟอรตานการเปลี่ยนแปลงคา pH ในน้ําทิ้ง สภาพกรด ( acidity)
่
โดยทั่วไปน้ําทิ้งจากแหลงชุมชนจะมีบฟเฟอรในสภาพเบสจึงไมทําใหนํามีคา pH ที่ต่ําเกินไป แตน้ํา
ั ้
ทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมมักจะมีคา pH ต่ํากวา 4.5 ซึ่งมาจาก CO2 ที่ละลายน้ํา
- ความกระดาง (hardness) เปนการไมเกิดฟองกับสบูและเมื่อตมน้ํากระดางนี้จะเกิด
ตะกอน น้ํากระดางชัวคราว เกิดจากสารไบคารบอเนต (CO32-) รวมตัวกับ ไออออนของโลหะ
่
เชน Ca2+,Mg2+ ซึ่งสามารถแกไดโดยการตม นอกจากนี้แลวยังมีความกระดางถาวรซึ่งเกิดจากอิออนข
องโลหะและสารที่ไมใชพวกคารบอเนต เชน SO42-- ,NO3- , CI- รวมตัวกับ Ca2+, Fe2+,Mg2+เปนตน
ความกระดางจึงเปนขอเสียในดานการสิ้นเปลืองทรัพยากร คือตองใชปริมาณสบูหรือผงซักฟอกใน
การซักผาในปริมาณมาก ซึ่งก็จะเกิดตะกอนมากเชนกัน
- ปริมาณออกซิเจนที่ละลายน้ํา (dissolved oxygen, DO) แบคทีเรียที่เปนสารอินทรียใน
น้ําตองการออกซิเจน (aerobic bacteria) ในการยอยสลายสารอนินทรีย ความตองการออกซิเจนของ
แบคทีเรียนีจะทําใหจะทําใหปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ําลดลง ดังนันในน้ําที่สะอาดจะมีคา DO
้ ้
- 10. 10
สูง และน้ําเสียจะมีคา DO ต่ํา มาตรฐานของน้ําที่มีคุณภาพดีโดยทัวไปจะมีคา DO ประมาณ 5-8 ppm
่
หรือปริมาณ O2 ละลายอยูปริมาณ 5-8 มิลลิกรัม / ลิตร หรือ 5-8 ppm น้ําเสียจะมีคา DO ต่ํากวา 3 ppm
คา DO มีความสําคัญในการบงบอกวาแหลงน้ํานั้นมีปริมาณออกซิเจน
เพียงพอตอความตองการของสิ่งมีชีวิตหรือไม
- บีโอดี (biological oxygen demand) เปนปริมาณออกซิเจนที่จุลินทรีย
ตองการใชในการยอยสลายสารอินทรียในน้ํา น้ําที่มีคุณภาพดี ควรมีคาบีโอดี ไมเกิน 6 มิลลิกรัมตอ
ลิตร ถาคาบีโอดีสูงมากแสดงวาน้ํานั้นเนามาก แหลงน้าที่มคาบีโอดีสูงกวา 100 มิลลิกรัมตอลิตรจะ
ํ ี
จัดเปนน้ําเนาหรือน้ําเสีย พระราชบัญญัติน้ําทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม กําหนดไววา น้ําทิ้งกอน
ปลอยลงสูแหลงน้ําธรรมชาติ ตองมีคาบีโอดีไมเกิน 20 มิลลิกรัมตอลิตร การหาคา บีโอดี หาไดโดยใช
แบคทีเรียยอยสลายอินทรียสารซึ่งจะเปนไปชา ๆ ดังนันจึงตองใชเวลานานหลายสิบวัน ตามหลัก
้
สากลใชเวลา 5 วัน ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียสโดยนําตัวอยางน้ําทีตองการหาบีโอดีมา 2 ขวด ขวด
่
หนึ่งนํามาวิเคราะหเพื่อหาคาออกซิเจนทันที สมมุติวามีออกซิเจนอยู 6.5 มิลลิกรัมตอลิตร สวนน้ําอีก
ขวดหนึ่งปดจุกใหแนน เพื่อไมใหอากาศเขา นําไปเก็บไวในที่มดที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียสนาน 5
ื
วัน แลวนํามาวิเคราะหหาปริมาณออกซิเจน สมมุติได 0.47 มิลลิกรัม ตอลิตร ดังนั้นจะไดคาซึ่งเปน
ปริมาณออกซิเจน ที่ถูกใชไป หรือ คาบีโอดี = 6.5-0.47 = 5.03 มิลลิกรัมตอลิตร
- COD (Chemical Oxygen Demand) คือ ปริมาณ O2ที่ใชในการออกซิไดซในการสลาย
สารอินทรียดวยสารเคมีโดยใชสารละลาย เชน โพแทสเซียมไดโครเมต (K2Cr2O7) ในปริมาณมากเกิน
พอ ในสารละลายกรดซัลฟวริกซึ่งสารอินทรียในน้ําทั้งหมดทั้งที่จุลินทรียยอย
สลายไดและยอยสลายไมไดก็จะถูกออกซิไดซภายใตภาวะที่เปนกรดและการใหความรอน โดยทั่วไป
คา COD จะมีคามากกวา BOD เสมอ ดังนั้นคา COD จึงเปนตัวแปรทีสําคัญตัวหนึ่งที่แสดงถึงความ
่
สกปรกของน้ําเสีย
- ทีโอซี (Total Organic Carbon: TOC) คือ ปริมาณคารบอนในน้ํา
- ไนโตรเจน เปนธาตุสําคัญสําหรับพืช ซึ่งจะอยูในรูปของ แอมโมเนีย-ไนโตรเจน ไน
ไตรท ไนเตรต ยิ่งถาในน้ํามีปริมาณไนโตรเจนสูง จะทําใหพืชน้าเจริญเติบโตอยาง
ํ
รวดเร็ว
- ฟอสฟอรัส ในน้ําจะอยูในรูปของสารประกอบพวก ออรโธฟอสเฟต (Orthophosphate)
เชนสาร PO43-, HPO42- , H2 PO4- และ H3PO4 นอกจากนี้ยังมีสารพวกโพลีฟอสเฟต
- ซัลเฟอร มีอยูในธรรมชาติและเปนองคประกอบภายในของสิ่งมีชีวิต สารประกอบ
ซัลเฟอรในน้ําจะอยูในรูปของ organic sulfur เชน ไฮโดรเจนซัลไฟต สารซัลเฟต เปนตน
ซึ่งสารพวกนีจะทําใหเกิดกลิ่นเหม็นเนา เชน ที่เรียกวากาซไขเนา และนอกจากนี้ยังมีฤทธิ์กัดกรอนใน
้
- 11. 11
สิ่งแวดลอมได
- โลหะหนัก มีท้งที่เปนพิษและไมเปนพิษ แตทั้งนี้ขึ้นอยูกบปริมาณที่ไดรับ
ั ั
ถามากเกินไปจะเปนพิษ ไดแก โครเมียม ทองแดง เหล็ก แมงกานีสและสังกะสี บางชนิดไมเปน
อันตรายตอสิ่งมีชีวิต ไดแก แคดเมียม ตะกัว ปรอทและนิกเกิล
่
โครงงานที่เกี่ยวของ
นนทและสุวฤทธิ์ (2540) ศึกษาความสามารถในการดูดซับน้ํามันของวัสดุตางๆเพือใชเปน
่
วัสดุกรองของระบบบําบัดน้าทิ้งที่มีการปนเปอนของน้ํามัน(Oil) ซึ่งอาศัยน้ําเสียสังเคราะหเปนน้ําเสีย
ํ
ที่นําเขาระบบบําบัดจําลอง ซึ่งการทดลองไดเลือกใช กาบมะพราว แกลบเผา และขี้เลื่อย เปนวัสดุ
กรอง และใช pH COD Suspendened Solid และ Oil and Grease เปนตัววัดลักษณะของน้ําเสีย จากผล
การทดลองพบวา วัสดุทใชไดคือ กาบมะพราวและแกลบเผา ซึ่งใชรวมกันสามารถลด COD
ี่
Suspendened Solid และ Oil and Grease ไดอยางมีประสิทธิภาพ กลาวคือสามารถลดคา COD ไดตา ่ํ
กวา 120 มิลลิกรัมตอลิตร (70.80-91.77%) ลด Suspendened Solid ได 80% และลด Oil and Grease
ไดต่ํากวา 2.0 มิลลิกรัมตอลิตร ซึ่งอยูในเกณฑมาตรฐานน้ําทิ้งของกระทรวงอุตสาหกรรม
ศิริพร(2541) ศึกษาประสิทธิภาพของวัสดุดูดซับ 4 ชนิด คือ ฝาย ขนไก กาบมะพราว และ
ฟางขาว ในน้ามัน 2 ชนิดคือ น้ํามันเตาประเภทเบา และน้ํามันดีเซล ในความเขมขนของคราบน้ํามัน
ํ
ในน้ํามี 5 ระดับ คือ 50, 10 ,20,40 และ80 กรัม/ลิตร โดยวิธีการชั่งน้ําหนัก พบวา ในการดูดซับคราบ
น้ํามันเตาและดีเซลในน้ํา ฝายมีประสิทธิภาพในการดูดซับมากที่สุด รองลงมาไดแก ขนไก กาบ
มะพราว และฟางขาวตามลําดับ ซึ่งชุดการทดลองที่ใชฝายเปนวัสดุดดซับ คราบน้ํามันเตาที่มความ
ู ี
เขมขนเริ่มตน 20 กรัม/ลิตร ประสิทธิภาพในการกําจัดดีที่สุด คือ 99.42% และน้ํามันดีเซลที่มีความ
เขมขน 10 กรัม/ลิตร มีประสิทธิภาพในการกําจัด 97.72% นอกจากนียังพบวาฝายมีความเหมาะสมที่
้
จะใชเปนวัสดุดูดซับมากที่สด เนื่องจากสามารถดูดซับคราบน้ํามันไดมากกวา 10 กรัม น้ํามัน/ฝาย 1
ุ
กรัม รองลงมาไดแกขนไก สําหรับกาบมะพราวและฟางขาวไมมีความเหมาะสมทีจะนํามาเปนวัสดุ
่
ดูดซับ เพราะมีความสามารถในการดูดซับคราบน้ํามันประมาณ 3-5 กรัม น้ํามัน/วัสดุดูดซับ 1 กรัม ซึ่ง
มีประสิทธิภาพในการกําจัดไมถึง 50%
- 12. 12
บทที่ 3
อุปกรณและวิธีการดําเนินงาน
วัสดุและอุปกรณ
1. ชานออย
2. กาบมะพราว
3. ขุยมะพราว
4. ขี้เลื่อย
5. ถาน
6. ทราย
7. กอนกรวดขนาดใหญ
8. กอนกรวดขนาดเล็ก
9. สําลี
10. บีกเกอร ขนาด 250 ลูกบาศกเซนติเมตร
11. กระบอกตวง ขนาด 10 ลูกบาศกเซนติเมตร
12. กรวยพลาสติก
13. บิวเรต
14. แทงแกวคนสาร
15. ที่ตั้งหลอดทดลอง
16. ตะแกรงพลาสติก
17. ขวดพลาสติก
18. ถังใสน้ํา
วิธีดําเนินการศึกษา
ตอนที่ 1 การศึกษาความสามารถในการดูดซับคราบน้ํามันพืชที่แขวนลอยบนผิวน้าของวัสดุ
ํ
ดูดซับธรรมชาติที่มีอยูในทองถิ่นแตละชนิด
1.1 วัสดุธรรมชาติที่ใชทั่วไปในทองถิ่น จํานวน 8 ชนิด
1. ตวงน้ํา 50 ลูกบาศกเซนติเมตร ใสในบีกเกอร ขนาด 250 ลูกบาศกเซนติเมตร ตวง
น้ํามันพืช 6 ลูกบาศกเซนติเมตร เทใสในบีกเกอรขางตน แลวคนดวยแทงแกว
- 13. 13
2. นําชานออยใสในขวดน้ําอัดลมพลาสติกใหมีความสูง 10 เซนติเมตร จากฝาขวด วางไว
กระปองพลาสติก จากนันเทน้ําผสมน้ํามันพืชจากขอ 1. ลงในขวดน้ําอัดลมขางตน
้
3. หาปริมาณไขมันที่ไหลออกมาดวยบิวเรต ทดลองซ้ําอีก 2 ครั้ง บันทึกผล และคํานวณหา
ปริมาณที่ชานออยดูดซับไว
4. ทําการทดลองเชนเดียวกับขอ 1-3 โดยเปลี่ยนจากชานออยเปน ผงถาน กรวดกอนเล็ก กาบ
มะพราว กรวดกอนใหญ ทราย ขี้เลื่อย และขุยมะพราว ตามลําดับ
1.2 วัสดุธรรมชาติในทองถิ่นที่ดดซับคราบน้ํามันไดดี จํานวน 4 ชนิด
ู
1. ตวงน้ํา 100 ลูกบาศกเซนติเมตร ใสในบีกเกอร ขนาด 250 ลูกบาศกเซนติเมตร ตวงน้ํามัน
พืช 12 ลูกบาศกเซนติเมตร เทใสในบีกเกอรขางตน แลวคนดวยแทงแกว
2. สรางแบบจําลองเครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามันอยางงายดวยขวดน้ําอัดลมพลาสติก สูง
25.5 เซนติเมตร เสนผานศูนยกลาง 8.8 เซนติเมตร ซึ่งแบงเปนชั้นๆ จากชั้นบนสุด ดังนี้
ชั้นที่ 1 ชั้นกรองเศษอาหาร โดยใชตะแกรงพลาสติก
ชั้นที่ 2 ชั้นดูดซับไขมัน ใชวสดุดูดซับที่แตกตางกัน 4 ชนิด คือ กาบมะพราว ขี้เลื่อย ชาน
ั
ออย และขุยมะพรามตามลําดับ สูง 7 เซนติเมตร
ชั้นที่ 3 ชั้นดูดสี และดับกลิ่น ใชผงถาน จํานวน 50 กรัม
ชั้นที่ 4 ชั้นจับตะกอน ใชทราย 100 กรัม กรวดกอนเล็ก จํานวน 100 กรัม กรวอดกอนใหญ
จํานวน 100 กรัม และสําลี 1 กรัม
จากนั้นเทน้ําผสมน้ํามันพืชจากขอ 1. ลงในแบบจําลองเครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามันอยาง
งายดวยขวดน้าอัดลมพลาสติก ขางตน
ํ
3. หาปริมาณไขมันที่ไหลออกมาดวยบิวเรต ทดลองซ้ําอีก 2 ครั้ง บันทึกผล และคํานวณหา
ปริมาณที่ชานออยดูดซับไว
4. ทําการทดลองเชนเดียวกับขอ 1-3 โดยเปลี่ยนชั้นบนสุดจากชานออยเปน กาบมะพราว
ขี้เลื่อย และขุยมะพราว ตามลําดับ
ตอนที่ 2 การศึกษาความหนาของวัสดุดูดซับแตละชั้นของเครื่องกรองดูดซับคราบน้ามันมีผลตอ
ํ
การไหลของน้า ํ
1. นําน้ําทิ้งที่มไขมันและเศษอาหาร จํานวน 1,000 ลูกบาศกเซนติเมตร มากรองผาน
ี
แบบจําลองเครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามัน โดยใชความหนาของชานออยสูง 3 เซนติเมตร
2. กรองน้ําทิ้งโดยใหน้ําไหลผานชั้นตางๆ ของแบบจําลองเครื่องกรองน้ํา จับเวลาการไหล
ของน้ํา บันทึกเวลาการไหลของน้ํา
- 14. 14
3. ทําซ้ํา ขอ 1-2 แตเปลี่ยนความหนาของชันดักจับไขมัน เปน 6 และ 9 เซนติเมตร ตามลําดับ
้
ตอนที่ 3 การศึกษาคุณภาพน้าทิ้งหลังผานเครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามัน
ํ
1. นําน้ําทิ้งจากโรงอาหารที่เก็บตัวอยางในชวงเวลา 9.00-11.00 น. มาจํานวน 1,000 ลูกบาศก
เซนติเมตร วัดอุณหภูมิของน้าโดยใชเทอรมอมิเตอร วัดคาความเปนกรด-เบส โดยใชกระดาษยูนเิ วอร
ํ
ซัลอินดิเคเตอร สังเกตสี และกลิ่นของน้ํา หาปริมาณไขมันในน้าทิ้ง โดยใชวิธีการทดลองเหมือนตอน
ํ
ที่ 1 บันทึกผล
2. นําน้ําตัวอยางมากรองผานเครื่องกรองดูดซับคราบน้ามันํ
ชั้นที่ 1 ชั้นกรองเศษอาหาร โดยใชตะแกรงพลาสติก
ชั้นที่ 2 ชั้นดูดซับไขมัน ใชวสดุดูดซับ คือ ชานออย สูง 3 เซนติเมตร
ั
ชั้นที่ 3 ชั้นดูดสี และดับกลิ่น ใชผงถาน จํานวน 1 กิโลกรัม
ชั้นที่ 4 ชั้นจับตะกอน ใช ทราย จํานวน 2 กิโลกรัม กรวดกอนเล็ก จํานวน 2 กิโลกรัม กรวด
กอนใหญ จํานวน 2 กิโลกรัม และสําลี 10 กรัม
3. นําน้ําที่ผานการกรองผานเครื่องกรองน้ําดูดคราบไขมัน มาตรวจสอบคุณภาพอีกครั้งหนึ่ง
โดยวัดอุณหภูมิของน้ําโดยใชเทอรมอมิเตอร วัดคาความเปนกรด-เบส โดยใชกระดาษยูนเิ วอรซัล
อินดิเคเตอร สังเกตสี และกลิ่นของน้ํา หาปริมาณไขมันในน้ําทิ้ง โดยใชวิธีการทดลองเหมือนตอนที่ 1
บันทึกผล และเปรียบเทียบผล
- 15. 15
บทที่ 4
ผลการดําเนินงาน
ตอนที่ 1 การศึกษาความสามารถในการดูดซับคราบน้ํามันพืชที่แขวนลอยบนผิวน้าของวัสดุ
ํ
ดูดซับธรรมชาติที่มีอยูในทองถิ่นแตละชนิด
1.1 วัสดุธรรมชาติที่ใชทั่วไปในทองถิ่น จํานวน 8 ชนิด
ตารางที่ 1 แสดงปริมาณน้ํามันพืชที่วัสดุดดซับไว 8 ชนิด (cm3)
ู
ชนิดของวัสดุดูดซับ ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 เฉลี่ย
1. ชานออย 0.1 0.1 0.1 0.3
2. ขุยมะพราว 0.2 0.1 0.1 0.4
3. กาบมะพราว 0.2 0.1 0.2 0.5
4. กรวดกอนใหญ 0.4 0.5 0.4 1.3
5. กรวดกอนเล็ก 0.6 0.5 0.5 1.6
6. ทราย 0.4 0.2 0.3 0.9
7. ผงถาน 0.25 0.3 0.3 0.85
8. ขี้เลื่อย 0.2 0.1 0.2 0.5
1.2 วัสดุธรรมชาติในทองถิ่นที่ดดซับคราบน้ํามันไดดี จํานวน 4 ชนิด
ู
ตารางที่ 2 แสดงปริมาณน้ํามันพืชที่วัสดุดดซับไว 4 ชนิด (cm3)
ู
ชนิดของวัสดุดูดซับ ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 เฉลี่ย
1. ชานออย 0.1 0.1 0.1 0.3
2. ขุยมะพราว 0.2 0.1 0.1 0.4
3. กาบมะพราว 0.2 0.1 0.2 0.5
4. กรวดกอนใหญ 0.4 0.5 0.4 1.3
ตอนที่ 2 การศึกษาคุณภาพน้าทิ้งหลังผานเครื่องกรองดูดซับคราบน้ํามัน
ํ
ตอนที่ 3 การศึกษาความหนาของวัสดุดูดซับแตละชั้นของเครื่องกรองดูดซับคราบน้ามันมี
ํ
ผลตอการไหลของน้ํา
- 16. 16
นนท ผลารักษและสุวฟธิ์ จันทรดาประดิษฐ.”การศึกษาความเปนไปไดในการนําน้ําทิ้งจากสถานี
บริการน้ํามันมาใชใหเกิดประโยชน”.ปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต.ภาควิชาวิศวกรรม
สิ่งแวดลอม คณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยขอนแกน,2540
ศิริพร พงษสันติสุข.”การกําจัดคราบน้ํามันในน้ําโดยใชวัสดุธรรมชาติเปนตัวดูดซับ”.วิทยานิพนธ
ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต คณะวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยมหิดล,2541
http://web.ku.ac.th/schoolnet/
http://www.thaieditorial.com/tag/
http://www.il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter3/chapter3_water2.htm