More Related Content
Similar to ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
Similar to ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1 (20)
More from สายฝน ต๊ะวันนา (20)
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
- 1. 1
ข้ อสอบ ชุ ดที่ 1
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้ นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 เล่ม 1
แบบปรนัย
คาชี้แจง เลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำเดียว
1. เกณฑ์ การจาแนกสิ่ งมีชีวตเซลล์เดียวกับสิ่ งมีชีวต
ิ ิ 4. สิ่ งทีเ่ หมือนกันของสิ่ งมีชีวิตเซลล์เดียวกับ
หลายเซลล์คืออะไร สิ่ งมีชีวตหลายเซลล์คืออะไร
ิ
1 จำนวนเซลล์ 1 ขนำดของเซลล์
2 ขนำดของเซลล์ 2 รู ปร่ ำงของเซลล์
3 รู ปร่ ำงของเซลล์ 3 ควำมแข็งของเซลล์
4 ส่ วนประกอบของเซลล์ 4 ส่ วนประกอบพื้นฐำนของเซลล์
2. “เซลล์ มีลักษณะค่ อนข้ างกลม มีส่วนที่เป็ นแขนยื่น 5. ส่ วนประกอบของเซลล์ที่พบในเซลล์พช แต่ ไม่ พบ
ื
ออกมาจากตัวเซลล์ เพื่อช่ วยส่ งกระแสความรู้ สึก ในเซลล์สัตว์คืออะไร
ไปยังจุดอื่น” เซลล์ดังกล่าวคือเซลล์อะไร 1 นิวเคลียส
1 เซลล์อะมีบำ 2 เยือหุมเซลล์
่ ้
2 เซลล์ประสำท 3 ไซโทพลำซึม
3 เซลล์กล้ำมเนื้อ 4 คลอโรพลำสต์
4 เซลล์เม็ดเลือดแดง 6. ส่ วนประกอบทีทาให้ เซลล์ พชแตกต่ างจากเซลล์
่ ื
3. เพราะเหตุใดนักวิทยาศาสตร์ จึงจาแนกสิ่ งมีชีวต ิ สั ตว์คืออะไร
ออกเป็ นสิ่ งมีชีวตเซลล์เดียวกับสิ่ งมีชีวตหลาย
ิ ิ 1 ไซโทพลำซึ มกับไรโบโซม
เซลล์ ่ ้ ั
2 เยือหุ มเซลล์กบนิวเคลียส
1 สิ่ งมีชีวตเซลล์เดียวมีควำมแข็งของเซลล์มำกกว่ำ
ิ ั
3 ผนังเซลล์กบคลอโรพลำสต์
สิ่ งมีชีวตหลำยเซลล์
ิ 4 ไมโทคอนเดรี ยกับนิวคลีโอลัส
2 สิ่ งมีชีวตเซลล์เดียวมีส่วนประกอบพื้นฐำนของ
ิ 7. สิ่ งใดทีทาให้ เซลล์พชแตกต่ างจากเซลล์สัตว์
่ ื
เซลล์ที่แตกต่ำงจำกสิ่ งมีชีวตหลำยเซลล์
ิ 1 ไซโทพลำซึ มกับไรโบโซม
3 สิ่ งมีชีวตเซลล์เดียวมีรูปร่ ำงของเซลล์ที่เหมือนกัน
ิ ั
2 เยือหุ มเซลล์กบนิวเคลียส
่ ้
ส่ วนสิ่ งมีชีวตหลำยเซลล์มีรูปร่ ำงของ เซลล์ที่
ิ ั
3 ผนังเซลล์กบคลอโรพลำสต์
แตกต่ำงกัน 4 ไมโทคอนเดรี ยกับนิวคลีโอลัส
4 สิ่ งมีชีวตเซลล์เดียวมีเพียงเซลล์เดียวก็ดำรงชีวต
ิ ิ
่
อยูได้ แต่สิ่งมีชีวิตหลำยเซลล์ตองมีเซลล์มำรวม
้
กลุ่มกันจึงจะดำรงชีวิตอยูได้ ่
- 2. 2
8. เซลล์ พชมีอยู่ทส่วนใดของพืช
ื ี่ 12. เซลล์ทไม่ มีนิวเคลียสเป็ นส่ วนประกอบคือเซลล์
ี่
1 ใบและลำต้น ที่อื่น ๆ ไม่มี อะไร
2 ปลำยใบและปลำยรำกเท่ำนั้น 1 เซลล์ประสำท
3 ใบและลำต้นกับที่ปลำยรำกเท่ำนั้น 2 เซลล์กล้ำมเนื้อ
่
4 มีอยูทุกส่ วนของพืช เพรำะพืชมีเซลล์เป็ น 3 เซลล์เยือบุขำงแก้ม
่ ้
ส่ วนประกอบ 4 เซลล์เม็ดเลือดแดง
9. เมื่อเรานาเซลล์ ของใบสาหร่ ายหางกระรอกและ 13. ปัจจัยทีส่งผลต่ อความช้ าหรือเร็วของอัตราการ
่
เซลล์ เยือหอมมาส่ องดูด้วยกล้ องจุลทรรศน์ เม็ดสี
่ แพร่ ของสารคืออะไร
เขียวเล็ก ๆ ทีพบในเซลล์ของใบสาหร่ ายหาง
่ 1 ชนิดของสำร
กระรอกแต่ ไม่ พบในเซลล์เยือหอมคืออะไร
่ 2 ชนิดของเยือกั้น
่
1 นิวเคลียส 3 ขนำดอนุภำคของสำร
2 เยือหุมเซลล์
่ ้ 4 ควำมแตกต่ำงระหว่ำงควำมเข้มข้นของสำร 2
3 ไซโทพลำซึม บริ เวณ
4 คลอโรพลำสต์ 14. จากรู ป อนุภาคทีแพร่ ่
10. ส่ วนประกอบของพืชทีทาหน้ าทีถ่ายทอดลักษณะ
่ ่ เข้ าสู่ ลาต้ นได้ คืออะไร
ทางพันธุกรรมจากพ่ อแม่ ไปสู่ ลกหลานคืออะไร
ู
1 ผนังเซลล์
2 นิวเคลียส 1 น้ ำ น้ ำเกลือ
3 เยือหุมเซลล์
่ ้ 2 น้ ำ น้ ำตำลทรำย
4 ไซโทพลำซึม 3 น้ ำ น้ ำตำลกลูโคส
11. ส่ วนประกอบของเซลล์พชทีทาหน้ าทีคล้ายยาม
ื ่ ่ 4 น้ ำ น้ ำเกลือ น้ ำตำลกลูโคส
คืออะไร 15. ความแตกต่ างของการแพร่ กบออสโมซิสคืออะไร
ั
1 ผนังเซลล์ 1 ออสโมซิสเป็ นกำรเคลื่อนที่ของเยือบำง ๆ
่
2 นิวเคลียส 2 กำรแพร่ ไม่ตองผ่ำนเยือบำง ๆ แต่ออสโมซิ ส
้ ่
3 เยือหุมเซลล์
่ ้ ต้องผ่ำนเยือบำง ๆ
่
4 ไซโทพลำซึม 3 กำรแพร่ เกิดจำกสำรเคลื่อนที่จำกที่ที่มีโมเลกุล
น้อยไปสู่ ที่ที่มีโมเลกุลมำกเท่ำนั้น
4 ถูกทุกข้อ
- 3. 3
16. เมื่อหย่อนเกล็ดด่ างทับทิมลงในบีกเกอร์ ทบรรจุ
ี่ 19. นอกจากแสงอาทิตย์ แล้วพืชสามารถสั งเคราะห์
นาจะเกิดการแพร่ กระจายขึน นักเรียนคิดว่าถ้ ามี
้ ้ ด้ วยแสงได้ ดีทสุดในแสงสี ใด
ี่
การเพิมอุณหภูมิให้ สูงขึน อัตราการแพร่ จะเป็ น
่ ้ 1 ส้ม
อย่างไร 2 แดง
1 ช้ำลง 3 เหลือง
2 เร็ วขึ้น 4 น้ ำเงิน
3 เท่ำเดิม 20. ข้ อความใดถูกต้ อง
4 ไม่มีผลต่ออัตรำกำรแพร่ 1 กำรสังเครำะห์ดวยแสงของพืชเกิดขึ้นที่บริ เวณ
้
17. กระบวนการสั งเคราะห์ ด้วยแสงของพืชมีการ ใบเท่ำนั้น
เปลียนแปลงดังนี้
่ 2 พืชส่ งอำหำรไปเลี้ยงส่ วนต่ำง ๆ ของลำต้นใน
รู ปของน้ ำตำล
3 แก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์เกิดจำกกระบวนกำร
สังเครำะห์ดวยแสง
้
4 แก๊สออกซิ เจนเป็ นวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนกำร
ถ้ า B เป็ นสารที่เข้ าทางปากใบของพืช A และ B สังเครำะห์ดวยแสง ้
คืออะไร 21. ในกระบวนการสั งเคราะห์ ด้วยแสงของพืชสิ่ งแรก
1 น้ ำและแก๊สออกซิ เจน ทีได้ คืออะไร
่
2 แก๊สออกซิ เจนและน้ ำ 1 น้ ำ
3 แก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์และน้ ำ 2 แป้ ง
4 น้ ำและแก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์ 3 น้ ำตำล
18. สิ่ งทีไม่ ใช่ ปัจจัยทีสาคัญในกระบวนการ
่ ่ 4 แก๊สออกซิ เจน
สั งเคราะห์ ด้วยแสงคืออะไร
1 น้ ำ
2 แสง
3 ออกซิเจน
4 คำร์บอนไดออกไซด์
- 4. 4
22. จากรู ป เป็ นใบไม้ ที่ 26.“ในบรรยากาศที่มีแก๊ สคาร์ บอนไดออกไซด์ น้อย
สกัดคลอโรฟิ ลล์ออก หรื อไม่ มีเลยจะมีผลต่ อการเจริ ญเติบโตของพืช”
แล้วนาไปหยดสาร นักเรียนเห็นด้ วยกับคากล่าวข้ างต้ นหรือไม่
ละลายไอโอดีนได้ ผล เพราะเหตุใด
การทดลองดังรู ป นักเรี ยนคิดว่ าส่ วนใดของ 1 เห็นด้วย เพรำะพืชใช้แก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์
ใบไม้ ทไม่ มีการสั งเคราะห์ ด้วยแสง
ี่ สำหรับกำรหำยใจ
1 1 และ 2 2 เห็นด้วย เพรำะแก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์เป็ น
2 2 และ 3 ปัจจัยสำคัญสำหรับกำรสังเครำะห์ดวยแสงของ
้
3 3 และ 4 พืช
4 4 และ 1 3 ไม่เห็นด้วย เพรำะพืชต้องกำรแก๊สออกซิ เจน
23. ผลิตภัณฑ์ ทได้ จากกระบวนการสั งเคราะห์ ด้วย
ี่ ช่วยในกำรเจริ ญเติบโตของพืช
แสงคืออะไร 4 ไม่เห็นด้วย เพรำะกำรสังเครำะห์ดวยแสงของ
้
1 น้ ำตำล แป้ ง น้ ำ พืชไม่จำเป็ นต้องใช้แก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์
2 น้ ำตำล แก๊สออกซิ เจน น้ ำ 27. ผลดีทจะได้ รับจากการปลูกพืชในบริเวณทีเ่ กิด
ี่
3 แป้ ง น้ ำตำล คลอโรฟิ ลล์ น้ ำ มลภาวะของอากาศคืออะไร
4 น้ ำตำล แก๊สออกซิ เจน คลอโรฟิ ลล์ 1 เพิ่มปริ มำณออกซิ เจนในอำกำศ
24. การทดสอบหาแปงในใบพืชทีถูกแสงกับใบพืชที่
้ ่ ่
2 เป็ นที่อยูอำศัยของสัตว์นำนำชนิด
ไม่ ถูกแสง มีสิ่งใดเป็ นตัวแปรต้ นและตัวแปรตาม 3 เป็ นแหล่งอำหำรและพลังงำนของสิ่ งมีชีวต ิ
1 แสงและแป้ ง 4 ทำให้ชุมชนบริ เวณนั้นมีควำมร่ มรื่ นสบำยตำ
2 ขนำดใบพืชและแสง 28. จากแผนภาพ
3 แสงและชนิดของพืช แก๊ส A ควรเป็ น
4 ชนิดของพืชและปริ มำณแป้ ง แก๊สอะไร
25. กระบวนการสั งเคราะห์ ด้วยแสงมีความสั มพันธ์
กับสิ่ งใดมากทีสุด
่
1 ปริ มำณแร่ ธำตุอำหำรที่จำเป็ นในพื้นดิน 1 ออกซิเจน
2 ปริ มำณอำหำรที่จำเป็ นต่อสิ่ งมีชีวตทุกชนิ ด
ิ 2 ไนโตรเจน
่
3 จำนวนพืชและสัตว์ที่อำศัยอยูในบริ เวณต่ำง ๆ 3 ไฮโดรเจน
4 กำรหมุนเวียนของแก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์ 4 คำร์บอนไดออกไซด์
และแก๊สออกซิ เจน
- 5. 5
29. การศึกษาเนือเยือลาเลียงนา–เกลือแร่ ของพืชต้ อง
้ ่ ้ 33. โครงสร้ างทีพชใช้ ในการลาเลียงนา–เกลือแร่ ขึนสู่
่ ื ้ ้
ใส่ หมึกแดงลงไปในนาที่แช่ ต้นพืชด้ วยเพราะเหตุ
้ ลาต้ น กิง และใบคืออะไร
่
ใด 1 ไซเล็ม
1 ช่วยให้พืชลำเลียงน้ ำได้ดีข้ ึน 2 โฟลเอ็ม
2 ช่วยให้พืชสังเครำะห์ดวยแสงดีข้ ึน ้ 3 ระบบรำก
3 ช่วยให้เห็นเซลล์ท่ีเป็ นส่ วนประกอบของลำต้น 4 แคมเบียม
ชัดเจน 34. การคายนาของพืชมีความสาคัญต่ อกระบวนการ
้
4 ช่วยให้เห็นเซลล์ท่ีเป็ นเนื้อเยื่อลำเลียงน้ ำ–เกลือ ใด
แร่ ชดเจน
ั 1 หำยใจ
30. กลุ่มเซลล์ ททาหน้ าทีเ่ ป็ นท่ อลาเลียงนาพบได้ ใน
ี่ ้ 2 ลำเลียงน้ ำ
ส่ วนใดของพืช 3 สร้ำงน้ ำตำล
1 เฉพำะรำก 4 สังเครำะห์ดวยแสง ้
2 รำกและลำต้น 35. การคายนาของพืชไม่ มีส่วนช่ วยในกระบวนการ
้
3 รำก ลำต้น และกิ่ง ใด
4 รำก ลำต้น กิ่ง และใบ 1 ลำเลียงเกลือแร่
31. ข้ อความใดถูกต้ อง 2 ลดอุณหภูมิที่ใบ
่ ่ ั่
1 เนื้อเยือลำเลียงน้ ำ-เกลือแร่ มีอยูทวไปในลำต้น 3 ลำเลียงน้ ำทำงไซเล็ม
2 เนื้อเยือลำเลียงน้ ำ–เกลือแร่ ไม่มีในพืชใบเลี้ยงคู่
่ 4 ลำเลียงอำหำรทำงโฟลเอ็ม
3 เนื้อเยือลำเลียงน้ ำ–เกลือแร่ ไม่มีในพืชใบเลี้ยง
่ 36. เนือเยือลาเลียงนา–เกลือแร่ ส่วนใหญ่ของพืชเป็ น
้ ่ ้
เดี่ยว เซลล์แบบใด
4 เนื้อเยือลำเลียงน้ ำ–เกลือแร่ กระจำยทัวลำต้นใน
่ ่ 1 เซลล์ที่มีชีวต ิ
พืชใบเลี้ยงเดี่ยว 2 เซลล์ที่ตำยแล้ว
32. เนือเยือลาเลียงนา–เกลือแร่ ในลาต้ นพืชใบเลียงคู่มี
้ ่ ้ ้ 3 เซลล์ที่มีนิวเคลียส
ลักษณะเป็ นแบบใด 4 เซลล์ที่มีไซโทพลำซึม
1 เรี ยงกันอยูเ่ ป็ นวง 37. ส่ วนประกอบทีทาให้ ดอกครบส่ วนเหมือนกับ
่
2 กระจัดกระจำยอยูทวไป ่ ั่ ดอกสมบูรณ์ เพศคืออะไร
3 อยูเ่ ป็ นกลุ่มตรงกลำงลำต้น 1 มีรังไข่และกลีบดอก
4 อยูเ่ ป็ นชั้น ๆ ระหว่ำงเซลล์ 2 มีกลีบเลี้ยงและกลีบดอก
3 มีเกสรเพศผูและเกสรเพศเมีย
้
4 มีกลีบเลี้ยง กลีบดอก และเกสรเพศผู ้
- 6. 6
38. ข้ อสรุ ปใดถูกต้ อง 42. จากรู ปขณะที่เมล็ดงอกจะได้
1 ดอกครบส่ วนจะเป็ นดอกสมบูรณ์เพศเสมอ อาหารจากหมายเลขใด
2 ดอกสมบูรณ์เพศต้องเป็ นดอกครบส่ วนเสมอ
3 ดอกไม่ครบส่ วนต้องเป็ นดอกสมบูรณ์เพศเสมอ 11
4 ดอกไม่สมบูรณ์เพศอำจจะเป็ นดอกครบส่ วนก็ 22
ได้ 33
39. ถ้ านักเรียนทดลองนาสารละลายนาตาลเข้ มข้ น
้ 44
5% หยดลงบนสไลด์ ทมีอบเรณูของดอกแพง
ี่ ั 43. คากล่าวใดไม่ ถกต้ อง
ู
พวยอยู่ จากนั้นสั งเกตการเปลียนแปลงที่เกิดขึน
่ ้ 1 ถ้ำมีกำรถ่ำย(ละออง)เรณูแล้วจะต้องมีกำร
ทุก ๆ 15 นาทีเป็ นเวลา 1 ชั่วโมง นักเรียนจะพบ ปฏิสนธิ เกิดขึ้นเสมอ
การเปลียนแปลงของสิ่ งใด
่ 2 กำรถ่ำย(ละออง)เรณู ตองอำศัยลมน้ ำ สัตว์ หรื อ
้
1 ไม่เกิดกำรเปลี่ยนแปลงใด ๆ คนช่วยให้เกิดขึ้น
2 ละอองเรณูของดอกแพงพวยลดจำนวนลง 3 กำรถ่ำย(ละออง)เรณูในดอกเดียวกันจะเกิด
3 สำรละลำยน้ ำตำลเข้มข้น 5% เพิ่มปริ มำณมำก เฉพำะดอกสมบูรณ์เพศเท่ำนั้น
ขึ้นเรื่ อย ๆ 4 กำรถ่ำย(ละออง)เรณู หมำยถึง กำรที่ละอองเรณู
4 ละอองเรณูของดอกแพงพวยค่อย ๆ งอกหลอด ไปตกลงบนยอดเกสรเพศเมียเท่ำนั้น
ยำวออกมำ 44. ถ้ าสมศักดิ์ต้องการจะปลูกส้ มเขียวหวานให้ มี
40. ส่ วนประกอบของดอกไม้ ถ้าเรียงจากชั้ นนอกสุ ด ลักษณะผลและรสเหมือนต้ นพ่อแม่ แล้ว สมศักดิ์
ไปยังชั้ นในสุ ดได้ แก่ อะไร ต้ องใช้ วธีการใด
ิ
1 กลีบเลี้ยง กลีบดอก อับเรณู รังไข่ 1 กำรติดตำ
2 กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู ้ เกสรเพศเมีย 2 กำรตอนกิ่ง
3 เกสรเพศเมีย เกสรเพศผู ้ กลีบดอก กลีบเลี้ยง 3 กำรทำบกิ่ง
4 เกสรเพศเมีย เกสรเพศผู ้ ก้ำนเกสรเพศผู ้ รังไข่ 4 กำรเพำะด้วยเมล็ด
41. การสื บพันธุ์แบบอาศัยเพศได้ แก่ วธีการใด
ิ 45. พืชเศรษฐกิจทีนิยมใช้ วธีการเพาะเลียงเนื้อเยือพืช
่ ิ ้ ่
1 กำรปักชำ ในการขยายพันธุ์ได้ แก่ พืชชนิดใด
2 กำรต่อกิ่ง 1 ข้ำวโพด
3 กำรแตกหน่อ 2 กล้วย ไม้
4 กำรเพำะเมล็ด 3 ยำงพำรำ
4 มันสำปะหลัง
- 7. 7
46. การเพาะเลียงพืชทีสามารถคัดเลือกพันธุ์ใหม่ ทดี
้ ่ ี่ 50.“ดอกบัวจะหุบในตอนกลางคืนและบานในตอน
ได้ คราวละมาก ๆ คืออะไร กลางวัน” พฤติกรรมดังกล่าวเป็ นการตอบสนอง
1 กำรชำ ต่ อสิ่ งเร้ าใด
2 กำรตอน 1 แสง
3 กำรติดตำ 2 ควำมชื้น
4 กำรเพำะเลี้ยงเนื้ อเยือพืช ่ 3 อุณหภูมิ
47. ส่ วนของพืชที่นิยมนามาใช้ ในการเพาะเลียง ้ 4 ควำมดันอำกำศ
เนือเยือพืชคืออะไร
้ ่ 51. การหุบของใบไมยราบอย่ างรวดเร็ว เมื่อเราแตะ
1 ใบแก่ ๆ เบา ๆ เกิดจากการตอบสนองต่ อสิ่ งเร้ าใด
2 กิ่งแก่ ๆ 1 แก๊ส
3 รำกอ่อน 2 ควำมชื้น
4 ปลำยยอดอ่อน 3 อุณหภูมิ
48. การตัดต่ อยีนโดยวิธีทางพันธุวศวกรรมทาได้ โดย
ิ 4 กำรสัมผัส
วิธีใด 52. เซลล์ใดต่ อไปนีไม่ มีนิวเคลียส
้
1 นำพืชไปผสมข้ำมพันธุ์เพื่อให้ได้ยนใหม่ ี 1 เซลล์ประสำท
ั ั
2 แยกยีนที่มีลกษณะดีไวั้ใช้กบพันธุ์พืชพื้นเมือง 2 เซลล์เม็ดเลือดแดง
3 ตัดยีนที่ตองกำรของพืช สัตว์ ไปใส่ ในเซลล์พืช
้ 3 เซลล์กล้ำมเนื้อลำย
เพื่อให้เกิดเซลล์ใหม่ที่มีลกษณะตำมที่ตองกำร
ั ้ 4 เซลล์กล้ำมเนื้อเรี ยบ
4 เพำะเลี้ยงเซลล์พืชที่มีลกษณะที่ตองกำรใน
ั ้ 53. เซลล์เม็ดเลือดแดงมีหน้ าทีอะไร ่
ห้องทดลอง แล้วนำยีนมำตัดแต่งโดยกำรเชื่ อม 1 นำแก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์ไปยังปอด
ยีนที่มีลกษณะที่ตองกำรเข้ำด้วยกัน
ั ้ 2 นำแก๊สออกซิ เจนจำกปอดไปยังอวัยวะต่ำง ๆ
49. สาเหตุที่ทาให้ พชแสดงพฤติกรรมการตอบสนอง
ื 3 นำสำรที่เป็ นพิษต่อร่ ำงกำยไปกำจัดออกนอก
โดยการเคลือนไหวแบบอัตโนมัติคืออะไร
่ เซลล์
1 ควำมเข้มแสง 4 ขนส่ งแก๊สออกซิ เจนและแก๊สคำร์ บอน
2 อุณหภูมิของอำกำศ ไดออกไซด์ไปยังเซลล์ต่ำง ๆ
่
3 ปริ มำณควำมชื้นที่มีอยูในอำกำศ 54. เม็ดสี เขียวทีเ่ ป็ นอวัยวะสร้ างอาหารภายในเซลล์
4 กำรเปลี่ยนแปลงของแรงดันเต่งภำยในเซลล์ พืชเรียกว่าอะไร
1 นิวเคลียส
2 คลอโรฟิ ลล์
3 ไซโทพลำซึม
4 คลอโรพลำสต์
- 8. 8
55. ถ้ าเด็ดใบไม้ ในตอนเช้ ามืดมาทดสอบแปงจะพบ้ แสง
หรือไม่ เพราะเหตุใด 3 คลอโรฟิ ลล์จำเป็ นต่อกำรสังเครำะห์ดวยแสง
้
1 พบ เพราะพืชมีการสั งเคราะห์ ด้วยแสง ของพืช
2 พบ เพราะพืชสะสมนาตาลไว้ ในรู ปของ
้ 4 ใบเป็ นตำแหน่งสำคัญในกำรสังเครำะห์ดวย ้
แปง
้ แสงของพืช
3 ไม่ พบ เพราะแปงถูกเปลี่ยนเป็ นนาตาล
้ ้ 58. กิจกรรมใดช่ วยเพิมอัตราการสั งเคราะห์ ด้วยแสง
่
4 ไม่ พบ เพราะยังไม่ มีการสั งเคราะห์ ด้วย ของพืช
แสง 1 ใส่ ปุ๋ยเคมีให้พืชก่อนฝนตก
11 2 ใส่ ปุ๋ยเคมีให้พืชหลังฝนตก
23 3 เผำหญ้ำแห้งในเวลำกลำงวัน
3 1 และ 2 4 เผำหญ้ำแห้งในเวลำกลำงคืน
4 3 และ 4 59. การขาดธาตุใดทาให้ พชมีปริมาณคลอโรฟิ ลล์
ื
56. ข้ อความใดอธิบายการสั งเคราะห์ ด้วยแสงของ ลดลง
พืชได้ ถูกต้ อง 1 เหล็ก
1 เปลี่ยนพลังงำนแสงเป็ นพลังงำนเคมี 2 สังกะสี
2 เปลี่ยนพลังงำนแสงเป็ นพลังงำนจลน์ 3 แคลเซียม
3 เปลี่ยนพลังงำนศักย์เป็ นพลังงำนจลน์ 4 แมกนีเซียม
4 เปลี่ยนพลังงำนแสงเป็ นพลังงำนควำมร้อน 60. ความแตกต่ างของเนือเยื่อลาเลียงอาหารและ
้
57. จากการทดสอบหาแปงในใบชบาด่ าง พบว่าส่ วนสี
้ เนือเยือลาเลียงนา–เกลือแร่ คืออะไร
้ ่ ้
ขาวของใบชบาด่ างไม่ มีแปง ข้ อสรุ ปทีเ่ หมาะสม
้ 1 เซลล์ยงมีชีวต
ั ิ
กับกาทดลองนีคืออะไร
้ 2 ไม่มีนิวเคลียส
1 กำรหำยใจเกิดขึ้นบริ เวณที่มีสีขำวของใบ 3 ลักษณะของท่อ
2 กำรสังเครำะห์ดวยแสงของพืชจำเป็ นต้องใช้
้ 4 ลักษณะของเซลล์
- 9. 9
แบบอัตนัย
คาชี้แจง ตอบคำถำมต่อไปนี้ ให้ถูกต้อง
1. “ถ้ าต้ องการศึกษาเกี่ยวกับการเจริ ญเติบโตของพืช เราควรศึกษาการเจริ ญเติบโตของลาต้ นและใบของพืชนั้น”
นักเรี ยนเห็นด้วยกับคำกล่ำวนี้หรื อไม่ เพรำะเหตุใด
2. นักเรี ยนคิดว่ำเซลล์บริ เวณใดของพืชน่ำจะมีคลอโรพลำสต์มำก และถ้ำพืชไม่มีคลอโรพลำสต์อยูเ่ ลยจะมี
ผลกระทบต่อสิ่ งมีชีวตชนิดอื่นหรื อไม่
ิ
เฉลย ข้ อสอบกลางภาค ชุดที่ 1
แบบปรนัย
1. 1 2. 2 3. 4 4. 4 5. 4 6. 3 7. 3 8. 4 9. 4 10. 2 11. 3 12. 4 13. 4
14. 3 15. 2 16. 4 17. 4 18. 3 19. 4 20. 2 21. 3 22. 4 23. 2 24. 1 25. 4 26. 2
27. 1 28. 1 29. 4 30. 2 31. 4 32. 1 33. 1 34. 2 35. 4 36. 2 37. 3 38. 1 39. 4
40. 2 41. 4 42. 4 43. 1 44. 2 45. 2 46. 4 47. 4 48. 3 49. 4 50. 1 51. 4 52. 2
53. 4 54. 4 55. 4 56. 1 57. 3 58. 3 59. 1 60. 1
แบบอัตนัย
1. พืชต้องเปลี่ยนแป้ งเป็ นน้ ำตำลก่อนจะลำเลียงไปยังส่วนอื่น ๆ เพรำะ
1) น้ ำตำลละลำยน้ ำได้
2) น้ ำตำลที่มีกำรย่อยจะมีอนุภำคเล็ก เช่น น้ ำตำลกลูโคส จะทำให้สะดวกต่อกำรแพร่
่
2. พืชมีคลอโรพลำสต์จำนวนมำกในไซโทพลำซึมที่อยูบริ เวณใบ คลอโรพลำสต์จะทำหน้ำที่สำคัญในกระบวนกำร สังเครำะห์ดวย ้
่
แสงของพืช ได้น้ ำตำลเพื่อใช้ในกำรเจริ ญเติบโต และเก็บสะสมอยูในส่วนต่ำง ๆ ของพืช ถ้ำพืชไม่มี คลอโรพลำสต์จะไม่มีกำรสร้ำง
อำหำร ทำให้สิ่งมีชีวตที่กินพืชขำดอำหำร และส่งผลต่อสิ่ งมีชีวตชนิดอื่น ๆ ในโซ่ อำหำร อีกด้วย
ิ ิ